คืบหน้า สามีภรรยาที่อุปการะดูแลเด็ก 7 ขวบถูกน้ำร้อนลวกขา รุดเข้าพบ ผู้กำกับ.สภ.บ่อวิน ยืนยันไม่ได้เป็นคนทำร้ายเด็ก เผยเด็กมีนิสัยชอบทำร้ายตัวเอง โดยมีเพื่อนบ้านเดินทางมาเป็นพยานให้
เมื่อคืนที่ผ่านมา (25
เมษายน 2560) นางสาวเตือนใจ มีรินทร์ อายุ 38 ปี และนายวชิราวุธ รุ่งศิลา อายุ 33
ปี อยู่บ้านเลขที่ 238/82 ม.3 ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ผู้ที่อุปการะเลี้ยงดู
เด็กหญิงฟ้า (นามสมมุติ) สัญชาติกัมพูชา อายุ 7 ปี ที่ถูกน้ำร้อนลวกบริเวณโคนขา อวัยวะเพศ
และข้อเท้า รวมทั้งมีบาดแผลอีกหลายแห่งตามร่างกายนั้น ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.กรพัฒน์
หอมหวล ผกก.สภ.บ่อวิน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่าไม่ได้ทำร้ายเด็กแต่อย่างไร
โดย นางสาวเตือนใจ
มีรินทร์ เปิดเผยว่า ตนเองได้บอกน้องฟ้า ให้เตรียมตัวไปซื้อชุดนักเรียนในช่วงวันที่
20 เม.ย.60 ทำให้น้องฟ้าเกิดไม่พอใจ ประกอบกับตนเองไม่ได้ให้เงินไปซื้อขนม
ทำให้น้องฟ้าเกิดไม่พอใจจึงยกหม้อน้ำร้อนราดใส่ตัวเอง และได้กรีดร้องดังลั่นบ้าน
ตนเองและสามีจึงได้รีบจะนำตัวส่งโรงพยาบาล
แต่ลูกบูญธรรมกลับบอกว่ากูไม่ไป ซึ่งพยายามช่วยกันที่จะล้างแผลให้ น้องฟ้าก็ไม่ยอม โดยสาเหตุก็คือน้องฟ้าไม่อยากไปโรงเรียนประจำ และชอบทำตัวเรียกร้องความสนใจจากครอบครัว
รวมถึงผู้ที่พักอาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงเป็นประจำ
โดย นายชัยเดชา
เริงหาญ อายุ 43 ปี และนางสาวณปภัช อินทวงษ์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่238/81 ม.3
ต.บ่อวิน ซึ่งอาศัยอยู่บ้านฝั่งตรงข้ามกัน ทราบเรื่องดังกล่าว
จึงได้เดินทางมาเป็นพยานให้ โดยให้ข้อมูลว่า
ลูกบุญธรรมนั้นมักจะปืนเข้าบ้านคนอื่นและขโมยทรัพย์สิน อีกทั้งยังชอบโกหกหลอกลวงบ้านใกล้เรือนเคียง บางครั้งก็ปืนกำแพงจนตกลงมาได้รับบาดเจ็บเอง
โดยไม่มีใครไปทำร้ายเด็กอีกด้วย
ส่วนในด้านการสอบสวน พ.ต.อ.กรพัฒน์ หอมหวล
ผกก.สภ.บ่อวิน ได้สั่งการให้ ร.ต.อ.เรืองสิทธิ์ นาวีรัตนวิทยา รองสารวัตรเวรสอบสวน
ให้ประสานงานไปยังนักจิตวิทยาและกระทรวงการพัฒนาสังคมและสวัสดิการมนุษย์
ร่วมสอบปากคำเด็กหญิงชาวกัมพูชา หลังจากรักษาอาการบาดเจ็บให้หายแล้ว
เนื่องจากเด็กหญิงชาวกัมพูชายังไม่บรรลุนิติภาวะ
และหากพบว่าเด็กหญิงชาวกัมพูชาถูกน้ำร้อนลวกจริงจากแม่บุญธรรม
เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายกับแม่บุญธรรม และหากพบว่า
น้องฟ้านั้นโกหกขึ้นมาก็จะนำตัวส่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและสวัสดิการมนุษย์
เพื่อเยียวยารักษาจิตใจให้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติต่อไป
พ.ต.อ.กรพัฒน์ หอมหวล ผกก.สภ.บ่อวิน
กล่าวต่อว่า ส่วนชาวเน็ตที่ไม่รู้ความจริงและได้นำไปโพสหรือแชร์สู่โซเชียลนั้น
ได้โปรดหยุดการกระทำเช่นนี้ เนื่องจากทำให้คนอื่นได้รับความเสียหาย
พวกท่านอาจจะถูกฟ้องและดำเนินคดีทำให้บุคคลอื่นได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ที่ไม่จริง
และมีโทษฐานความผิด ทาง พรบ คอมพิวเตอร์ อาจมีโทษปรับหรือจำคุก
หรือมีโทษทั้งจำคุกและปรับอีกด้วย
ความคิดเห็น
/