พยาบาลสาว
ถูกคนร้ายขโมยบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีธนาคารหลอกขายโทรศัพท์มือถือทางเฟสบุ๊ค สร้างความเดือดร้อนและเสียชื่อเสียง
หลังลูกค้าสั่งซื้อแล้ว แต่ไม่ได้สินค้า จึงถูกข่มขู่-คุกคาม เพื่อขอเงินคืน
พร้อมเข้าแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนางสาวสุจิตรา ภูนาเมือง
พยาบาลสาวโรงพยาบาลชื่อดัง ในอำเภอศรีราชา
จ.ชลบุรี ว่า ตนได้เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรพานทอง
อ.พานทอง จ.ชลบุรี หลังถูก 2 สามีภรรยา
ขโมยบัตรประชาชนไป และนำบัตรไปเปิดบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาพานทอง หลอกขายโทรศัพท์มือถือผ่านเฟสบุ๊ค ในชื่อของตน
สร้างความเดอืดร้อนและความเสียหายต่อชื่อเสียง
จึงเข้าแจ้งความเพื่อให้ดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าว
สาเหตุ เนื่องจากในช่วงเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา
ตนได้ว่าจ้างให้ 2
สามีภรรยามาทำการขนของเครื่องใช้ภายในบ้าน เพื่อจะย้ายไปอยู่บ้านแห่งใหม่
โดยในจังหวะที่ขน ของภายในบ้านนั้น 2 สามีภรรยาได้ขโมยกระเป๋าสตางค์พร้อมบัตรประชาชนของตนไปด้วย
จากนั้นได้นำบัตรประชาชนของตนไปขอเปิดบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาพานทอง อ.พานทอง จ.ชลบุรี โดยตนไม่ทราบเรื่องแต่อย่างไร
โดยต่อมาไม่นานพี่ชายได้ทักแชทผ่านโทรศัพท์มือถือ
ว่า มีกลุ่มผู้เสียหายบอกว่าตน
คือนางสาวสุจิตรา ภูนาเมือง ไปโกง
โดยหลอกขายโทรศัพท์มือถือ ตนจึงให้พี่ชายส่งรายละเอียดพบว่าในเฟสบุ๊คปลอมดังกล่าว
มีรูปของตน บัตรประชาชน และบัญชีของธนาคารที่แอบอ้างไปเปิดไว้จริง
ทำให้ผู้เสียหายถูกหลอกโอนเงินเข้ามาในบัญชีดังกล่าว
แต่ไม่ได้รับสินค้าที่สั่งซื้อ
โดยมีผู้ถูกหลอกเกือบ 30 ราย ได้เงินไปทั้งสิ้นกว่า 60,000 บาทแล้ว
นางสาวสุจิตรา กล่าวต่อไปว่า
ปัญหาที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหายและสร้างความเดือดร้อนต่อตนเป็นอย่างมาก
เนื่องจากผู้เสียหายได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับตนตามเลขที่บัตรประชาชน
นอกจากนั้นยังมีการข่มขู่-คุกคามถึงบุคคลในครอบครัว
เนื่องจากต้องการเงินคืนหลังถูกหลอกซื้อสินค้า
ปัญหาที่เกิดขึ้น
ตนเข้าติดต่อที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาพานทอง เพื่อสอบถามรายละเอียด
ผู้ที่เดินทางมาเปิดบัญชีธนาคารดังกล่าว
พร้อมขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่าเป็นผู้หญิง ปิดบังใบหน้าด้วยแผ่นแมสปิดหน้า ซึ่งมีคล้ายคลึงกับรูปในบัตรประชาชน
ทางธนาคารจึงเปิดบัญชีใหม่ให้ ซึ่งตนได้ตำหนิการทำงานของเจ้าหน้าที่ธนาคาร
โดยไม่ตรวจสอบรายละเอียดให้มากกว่านี้ก่อนจะเปิดบัญชีให้
ที่สำคัญไม่รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย
โดยให้ติดต่อที่สำนักงานใหญ่เพียงอย่างเดียว
“ตนมั่นใจ ต้องเป็น 2 สามีภรรยา
ที่ว่าจ้างมาขนสิ่งของภายในบ้าน ในช่วงที่มีการย้ายบ้านอย่างแน่นอน
เพราะลักษณะท่าทางในกล้องวงจรปิด และทราบว่าพักอาศัยที่อำเภอพานทอง
จึงเชื่อว่าน่าจะเป็น 2 สามีภรรยา เป็นผู้ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้แน่นอน”
นางสาวสุจิตรา กล่าวว่า
ขณะนี้มีผู้เสียหายกว่า 10 คน แจ้งความดำเนินคดีกับชื่อของตนทั้งหมด
และยังมีการทักข้อความแชทไปหาบุคคลที่เป็นเพื่อนในเฟสบุ๊คของตน
พร้อมรูปดังกล่าวไปด้วย ว่าเป็นคนโกงและหลอกขายโทรศัพท์ดังกล่าว
สร้างความเสียหายและส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงานเป็นอย่างมาก
นอกจากนั้นเฟสบุ๊คดังกล่าว
ยังเอารูปของพยาบาลที่ไหนไม่ทราบ มาปลอมในโปรไฟล์ เพื่อสร้างความเชื่อถือ
หลอกลวงลูกค้า โดยเอกสารหลักฐานต่างๆไม่มีอะไรเป็นของคนร้ายเลย
และจากการสืบค้นในเพจเว็ปไซด์
พบว่าคนร้ายรายนี้ก่อเหตุโกงมาแล้วหลายคดีและมีหมายจับที่ จ.ขอนแก่น และ
จ.สระแก้วด้วย แต่ก็ยังสามารถมาหลอกลวงคนอื่นได้อีก โดยไม่ถูกจับกุมตัว
ถือว่าเป็นภัยร้ายแรงต่อสังคมเป็นอย่างมาก
จึงขอให้เจ้าหน้าที่จับกุมตัวและดำเนินการให้ถึงที่สุด
"; /* */
พยาบาลสาว
ถูกคนร้ายขโมยบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีธนาคารหลอกขายโทรศัพท์มือถือทางเฟสบุ๊ค สร้างความเดือดร้อนและเสียชื่อเสียง
หลังลูกค้าสั่งซื้อแล้ว แต่ไม่ได้สินค้า จึงถูกข่มขู่-คุกคาม เพื่อขอเงินคืน
พร้อมเข้าแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนางสาวสุจิตรา ภูนาเมือง
พยาบาลสาวโรงพยาบาลชื่อดัง ในอำเภอศรีราชา
จ.ชลบุรี ว่า ตนได้เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรพานทอง
อ.พานทอง จ.ชลบุรี หลังถูก 2 สามีภรรยา
ขโมยบัตรประชาชนไป และนำบัตรไปเปิดบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาพานทอง หลอกขายโทรศัพท์มือถือผ่านเฟสบุ๊ค ในชื่อของตน
สร้างความเดอืดร้อนและความเสียหายต่อชื่อเสียง
จึงเข้าแจ้งความเพื่อให้ดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าว
สาเหตุ เนื่องจากในช่วงเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา
ตนได้ว่าจ้างให้ 2
สามีภรรยามาทำการขนของเครื่องใช้ภายในบ้าน เพื่อจะย้ายไปอยู่บ้านแห่งใหม่
โดยในจังหวะที่ขน ของภายในบ้านนั้น 2 สามีภรรยาได้ขโมยกระเป๋าสตางค์พร้อมบัตรประชาชนของตนไปด้วย
จากนั้นได้นำบัตรประชาชนของตนไปขอเปิดบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาพานทอง อ.พานทอง จ.ชลบุรี โดยตนไม่ทราบเรื่องแต่อย่างไร
โดยต่อมาไม่นานพี่ชายได้ทักแชทผ่านโทรศัพท์มือถือ
ว่า มีกลุ่มผู้เสียหายบอกว่าตน
คือนางสาวสุจิตรา ภูนาเมือง ไปโกง
โดยหลอกขายโทรศัพท์มือถือ ตนจึงให้พี่ชายส่งรายละเอียดพบว่าในเฟสบุ๊คปลอมดังกล่าว
มีรูปของตน บัตรประชาชน และบัญชีของธนาคารที่แอบอ้างไปเปิดไว้จริง
ทำให้ผู้เสียหายถูกหลอกโอนเงินเข้ามาในบัญชีดังกล่าว
แต่ไม่ได้รับสินค้าที่สั่งซื้อ
โดยมีผู้ถูกหลอกเกือบ 30 ราย ได้เงินไปทั้งสิ้นกว่า 60,000 บาทแล้ว
นางสาวสุจิตรา กล่าวต่อไปว่า
ปัญหาที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหายและสร้างความเดือดร้อนต่อตนเป็นอย่างมาก
เนื่องจากผู้เสียหายได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับตนตามเลขที่บัตรประชาชน
นอกจากนั้นยังมีการข่มขู่-คุกคามถึงบุคคลในครอบครัว
เนื่องจากต้องการเงินคืนหลังถูกหลอกซื้อสินค้า
ปัญหาที่เกิดขึ้น
ตนเข้าติดต่อที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาพานทอง เพื่อสอบถามรายละเอียด
ผู้ที่เดินทางมาเปิดบัญชีธนาคารดังกล่าว
พร้อมขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่าเป็นผู้หญิง ปิดบังใบหน้าด้วยแผ่นแมสปิดหน้า ซึ่งมีคล้ายคลึงกับรูปในบัตรประชาชน
ทางธนาคารจึงเปิดบัญชีใหม่ให้ ซึ่งตนได้ตำหนิการทำงานของเจ้าหน้าที่ธนาคาร
โดยไม่ตรวจสอบรายละเอียดให้มากกว่านี้ก่อนจะเปิดบัญชีให้
ที่สำคัญไม่รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย
โดยให้ติดต่อที่สำนักงานใหญ่เพียงอย่างเดียว
“ตนมั่นใจ ต้องเป็น 2 สามีภรรยา
ที่ว่าจ้างมาขนสิ่งของภายในบ้าน ในช่วงที่มีการย้ายบ้านอย่างแน่นอน
เพราะลักษณะท่าทางในกล้องวงจรปิด และทราบว่าพักอาศัยที่อำเภอพานทอง
จึงเชื่อว่าน่าจะเป็น 2 สามีภรรยา เป็นผู้ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้แน่นอน”
นางสาวสุจิตรา กล่าวว่า
ขณะนี้มีผู้เสียหายกว่า 10 คน แจ้งความดำเนินคดีกับชื่อของตนทั้งหมด
และยังมีการทักข้อความแชทไปหาบุคคลที่เป็นเพื่อนในเฟสบุ๊คของตน
พร้อมรูปดังกล่าวไปด้วย ว่าเป็นคนโกงและหลอกขายโทรศัพท์ดังกล่าว
สร้างความเสียหายและส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงานเป็นอย่างมาก
นอกจากนั้นเฟสบุ๊คดังกล่าว
ยังเอารูปของพยาบาลที่ไหนไม่ทราบ มาปลอมในโปรไฟล์ เพื่อสร้างความเชื่อถือ
หลอกลวงลูกค้า โดยเอกสารหลักฐานต่างๆไม่มีอะไรเป็นของคนร้ายเลย
และจากการสืบค้นในเพจเว็ปไซด์
พบว่าคนร้ายรายนี้ก่อเหตุโกงมาแล้วหลายคดีและมีหมายจับที่ จ.ขอนแก่น และ
จ.สระแก้วด้วย แต่ก็ยังสามารถมาหลอกลวงคนอื่นได้อีก โดยไม่ถูกจับกุมตัว
ถือว่าเป็นภัยร้ายแรงต่อสังคมเป็นอย่างมาก
จึงขอให้เจ้าหน้าที่จับกุมตัวและดำเนินการให้ถึงที่สุด
ความคิดเห็น
/