ผลประกอบการ ทลฉ.ปี 60
เติบโตตามเป้าที่ 4% โดยมียอดการขนถ่ายตู้สินค้าผ่าท่ารวม 7.67 ล้านทีอียู สูงกว่าปีที่ผ่านมา 6 แสนทีอียู
พร้อมเดินหน้าเพิ่มยอดตู้สินค้าถ่ายลำและตู้สินค้าผ่านแดน
ภายใต้จุดแข็งการเป็นท่าเรือต้นทางและท่าเรือปลายทาง ที่มีข้อได้เปรียบด้านยุทธศาสตร์ที่ตั้ง ส่วนความคืบหน้าการผลักดันโครงการก่อสร้างท่าเรือฯ
เฟส 3 เป็นไปตามนโยบายนายกรัฐมนตรี
วันนี้ ( 8 พ.ย.) นายชุนณ์ลพัทธ์
ศรีภาเพลิน ผู้ช่วยผู้อานวยการ กองบริหารงานทั่วไป ท่าเรือแหลมฉบัง
เผยถึงผลการดำเนินงานของท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ในปีงบประมาณ 2560 ( ต.ค.2559
– ก.ย.2560) ว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
คือมีอัตราการเติบโตโดยรวมอยู่ที่ 4% และมีปริมาณตู้สินค้าขนถ่ายผ่านท่าที่ 7.67 ล้านทีอียู เติบโตจากปีก่อนที่มีจำนวนตู้สินค้า 7.06
ล้านทีอียู อยู่ที่กว่า 6 แสนทีอียู
เช่นเดียวกับจำนวนเรือเทียบท่า ทั้งเรือตู้สินค้า,เรือสินค้าทั่วไป
,เรือ RO-RO, เรือสินค้าเทกอง,เรือโดยสาร
,เรือลำเลียง และเรืออื่นๆ ที่มีจำนวน 13,461
เที่ยว เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีจำนวน 12,607 เที่ยว
โดยมีปัจจัยเสริมจากความเชื่อมั่นในการบริหารงานและการให้บริการของท่าเรือแหลมฉบัง
รวมทั้งการใช้เครื่องมือขนถ่ายสินค้าที่ทันสมัยของผู้บริหารท่าเทียบเรือต่างๆ
เช่นเดียวกับโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือแหลมฉบัง
ที่มีศักยภาพไม่ว่าจะเป็นโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เฟสแรก
ที่สามารถรองรับเรือสินค้าขนาด 50,000 เดทเวทตัน ในระดับน้ำลึก14 เมตร
จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ส่วนโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 2
ที่สามารถรองรับเรือสินค้าขนาด 80,000 เดทเวทตันในระดับน้ำลึก 16
เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง
ที่ขณะนี้ขีดความสามารถในการรองรับตู้สินค้าใกล้เต็มประสิทธิภาพ
ถือว่ามาจากการยอมรับจากสายการเดินเรือและผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทั่วโลก
ขณะที่การพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่
3 ได้ผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียรอบท่าเรือแหลมฉบัง
ทั้ง 3 ครั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ภายใต้การดำเนินงานตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ที่เน้นย้ำเรื่องการดูแลและเยียวยาให้ชุมชนต่างๆ ที่อยู่โดยรอบสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข
“ ท่าเรือแหลมฉบัง
มีความพร้อมในการเป็นประตูขนถ่ายสินค้าระดับภูมิภาคอาเซียน
แต่การพัฒนาท่าเรือฯ จะประสบความสำเร็จได้ ต้องมีองค์ประกอบหลายด้าน
ทั้งการสนับสนุนจากรัฐบาล ชุมชนและผู้ประกอบการ และแม้ในปีนี้การขนถ่ายรถยนต์ผ่านท่าฯ
จะมีตัวเลขลดลงจากเดิมในปี 2559 ที่จำนวน 1.26 ล้านคัน เหลือ 1.21 ล้านคันในปี
2560 ก็อาจมาจากการลดกำลังผลิตหรือตัวเลขส่งออกของผู้ประกอบการ
แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ การเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมากับเรือโดยสาร
ที่ในปีนี้มีผู้โดยสารถึง 2.43 แสนคน จากที่ปีก่อนมีประมาณ 2.28
แสนคน ”
นายชุนณ์ลพัทธ์ ยังเผยว่าอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญในการดำเนินงาน
ปี 2561 ก็คือการเพิ่มจำนวนตู้สินค้าถ่ายลำ และสินค้าผ่านแดน ให้มากขึ้น ภายใต้จุดแข็งการเป็นท่าเรือต้นทาง
และท่าเรือปลายทาง หรือ Origin
Destination ที่
ณ วันนี้ท่าเรือแหลมฉบังมีลูกค้าอยู่หลายราย
เพียงแต่ต้องแก้ปัญหาเรื่องข้อมูลที่ต้องประสานงานกันระหว่างหลายหน่วยงานต่างๆ
อาทิ ศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง,ผู้บริหารท่า,ท่าเรือแหลมฉบัง
ฯลฯ
เพื่อสร้างระบบการรวบรวมข้อมูลทุกด้านให้มาอยู่ ณ
จุดเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพ
และเชื่อว่าในปี 2561 ท่าเรือแหลมฉบัง
จะมีรายได้จากการให้บริการตู้สินค้าถ่ายลำเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2560 ที่มีจำนวนตู้สินค้าถ่ายลำ ขาเข้า ประมาณ 4.29
หมื่นทีอียู และ ขาออกที่ 4.2
หมื่นทีอียู เช่นเดียวกับสัดส่วนตู้สินค้าผ่านแดน ที่ลูกค้าเริ่มหันมาใช้บริการมากขึ้น
จากปัจจัยบวกเรื่องอัตราค่าบริการที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับท่าเรืออื่นๆ ทั่วโลก
ความคิดเห็น
/