ชาวบ้านยังค้าน มอเตอร์เวย์ ช่วงท่าเรือแหลมฉบัง-ปราจีนบุรี ยังไม่ได้ข้อสรุปเส้นทางที่ชัดเจน
ชาวบ้านต้องวิตกเรื่องการเวนคืน แนะนำให้ศึกษาผลกระทบที่ยังมีอีกมาก ทั้งการจัดการระบบ
ขวางเส้นทางการไหลของน้ำ และทางขนานที่รถบรรทุกจะหนีด่านเก็บเงินมาใช้ร่วมประชาชน
วันนี้ (16 พ.ย.) ณ ห้องประชุมพัฒนา
คอนเวนชั่น พัฒนากอล์ฟ แอนด์ สปอร์ต
รีสอร์ท อำเภอศรีราชา
จังหวัดชลบุรี นายนิติ วิวัฒน์วานิช
นายอำเภอศรีราชา เป็นประธานเปิดการสัมมนาสรุปผลการศึกษาโครงการ (การประชุมใหญ่
ครั้งที่ 3) โครงการศึกษาความเหมาะสมด้านเศรษฐกิจ
วิศวกรรมและผลกระทบสิ่งแวดล้อมทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายชลบุรี-หนองคาย ตอน
ชลบุรี (ท่าเรือแหลมฉบัง)-ปราจีนบุรี
(ทางหลวงหมายเลข 359) ภายใต้โครงการศึกษาจัดทำแผนกลยุทธ์การพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองของประเทศไทย โดยมีประชาชนร่วมรับฟังครั้งนี้นับ 1,000 คน
โครงการดังกล่าวเป็นแผนตามกลยุทธ์การพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองของประเทศไทย
ซึ่งเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ ตามแนวเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ ที่มีความสำคัญสูง
ในการรองรับการเดินทางของประชาชนและภาคการขนส่งสินค้า
เชื่อมโยงการเดินทางและการขนส่งสินค้าระหว่างพื้นที่เศรษฐกิจภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
โดยแนวเส้นทางโครงการมีจุดเริ่มต้น
บริเวณท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี และไปสิ้นสุดบริเวณทางหลวงหมายเลข 359 รวมระยะทางประมาณ 125 กิโลเมตร
ครอบคลุมพื้นที่ศึกษาจำนวน 3 จังหวัด 10 อำเภอ ประกอบด้วย จ.ชลบุรี ได้แก่ อ.บางละมุง อ.ศรีราชา
อ.หนองใหญ่ อ.บ้านบึง อ.บ่อทอง และ
อ.เกาะจันทร์ ส่วน จ.ฉะเชิงเทรา ได้แก่ อ.แปลงยาว
อ.สนามชัยเขต และ อ.พนมสารคาม และ จ. ปราจีนบุรี ได้แก่ อ.ศรีมหาโพธิ์ เป็นทางหลวงขนาด 4 - 8 ช่องจราจร และมีด่านเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง จำนวน 6 แห่ง อยู่บริเวณทางแยกต่างระดับ ประกอบด้วย ด่านศรีราชา ด่านบ่อวิน ด่านหนองใหญ่ ด่านบ่อทอง ด่านสนามชัยเขต
และด่านศรีมหาโพธิ์
ด้านประชาชนที่เข้าร่วมการสัมมนาในครั้งนี้ยังไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้างเส้นทางดังกล่าว
เพราะยังไม่มีการระบุเส้นทางการก่อสร้างที่ชัดเจน ทำให้ชาวบ้านเกิดความวิตกกังวลในเรื่องการถูกเวนคืน
ราคาค่าเวนคืน
รวมทั้งหากก่อสร้างถนนสายนี้เพื่อการขนส่งที่จะมีด่านเก็บค่าธรรมเนียมด้วยนั้น
จะทำให้รถบรรทุกลงมาวิ่งบนทางคู่ขนานแทน
ส่วนรถประชาชนที่อยู่โดยรอบเส้นทางดังกล่าวก็จะได้รับความเดือดร้อนตามมา
รวมทั้งการศึกษาการไหลของน้ำอาจจะไปปิดกั้นเส้นทางน้ำ
ทำให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่โดยรอบได้ ซึ่งอยากให้กรมทางหลวงได้ศึกษาผลกระทบต่าง ๆ
ให้มากกว่านี้ รวมทั้งในพื้นที่ยังมีเส้นทางต่างๆที่จะเกิดขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก
เพื่อรองรับโครงการ EEC. ดังนั้นหากโครงการดังกล่าวยังต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษา
โดยควรรอโครงการต่างๆที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้
เพื่อไม่ให้เกิดโครงการซ้ำซ้อนสร้างความสูญเสียต่องบประมาณในการลงทุน
ความคิดเห็น
/