ชาวบ้านพบพระสงฆ์ยืนบิณฑบาตอยู่กับที่ โดยไม่เคลื่อนย้ายไปไหนในเขตอำเภอศรีราชา ผิดหลักปฏิบัติของพระสงฆ์ทั่วไป ในหลายพื้นที่ของ อ.ศรีราชา โดยดูแล้วมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
หวั่นมีธุรกิจแอบแฝง
ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในอำเภอศรีราชาว่าพบพระภิกษุสงฆ์ยืนรอพุทธศาสนิกชนมาทำบุญตักบาตร
ในหลายพื้นที่ของอำเภอศรีราชา
รวมทั้งมีแม่ค้ามาขายของอยู่ใกล้กันเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่มาทำบุญตักบาตร
พบมีเครื่องถวายสังฆทาน ที่กรวดน้ำ และชุดทำบุญสำเร็จรูปจัดให้เสร็จสรรพ
เห็นแล้วดูไม่เหมาะสมกับหลักปฏิบัติของพระสงฆ์ เกรงว่าจะมีธุรกิจแอบแฝง
จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบเห็นว่าพระสงฆ์มีพฤติกรรมอย่างที่แจ้งไปจริง
จึงนำเรื่องไปปรึกษา พระครูวิบูลปริยัติกิจ เจ้าอาวาสวัดวิบูลสัณหธรรม
เจ้าคณะอำเภอศรีราชา ให้รับทราบและแจ้งว่าได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านในเบื้องต้นแล้ว
พร้อมทั้งแจ้งขอความร่วมมือไปยังเจ้าอาวาสวัดต่าง ๆ ในศรีราชา
ให้สอดส่องดูแลและสั่งห้ามพฤติกรรมดังกล่าว
ด้านนายวุสชน ผลขำ
เจ้าของธุรกิจส่วนตัว กล่าวถึง กรณีพระสงฆ์ยืนบิณฑบาตนั้น ตนเห็นภาพดังกล่าวชินตาแล้ว ทุกๆเช้าที่ออกมาใส่บาตร
ที่พระสงฆ์ปฏิบัติเช่นนั้นอยู่เป็นประจำ โดยไม่ทราบว่าเป็นพระที่วัดไหนอย่างไร
ซึ่งไม่ควรที่จะกระทำดังกล่าว เพราะพระพุทธศาสนาที่สั่งสอนกันมา คือ
พระภิกษุสงฆ์ที่ออกมาบิณฑบาตอาหาร จะต้องเดินเวียน
เพื่อให้ทั่วถึงบ้านประชาชนทุกหลังคาเรือน
แต่มีพระบางรูป
บางวัด แต่ไม่ขอเอ่ยว่าพระที่ไหน
เห็นยืนประจำที่ประจำจุดโดยไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหนเลย
ซึ่งพี่น้องประชาชนสามารถมาเห็นได้ทุกเช้าๆ หลายจุด ที่ถนนหน้าตลาดศรีเจริญ
โดยไม่ทราบสาเหตุที่พระท่านยืนบริเวณดังกล่าวเป็นเวลานาน
อาจเนื่องมาจากมารอใครหรือเปล่า หรือวัตถุประสงค์อื่นหรือเปล่า เช่น
ธุรกิจอาหารที่ใส่บาตรกับกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ซึ่งอาจจะเป็นเช่นนั้น
แต่ก็ไม่สมควรเกิดขึ้น
สำหรับ
กรณีที่มีแม่ค้า เตรียมความพร้อมของอาหารคาวหวานและน้ำดื่ม เพื่อเตรียมใส่บาตรนั้น
ก็ถือว่าเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนผู้ที่จะมาใส่บาตรให้พระ
เป็นเรื่องที่ดี
แต่อย่างไรก็ตามไม่ควรใส่บาตรให้กับพระที่ยืนบริเวณดังกล่าวเป็นประจำ
นอกจากนั้นยังมีการนำของใส่บาตรมาเวียนขายและนำไปใส่บาตรอีกครั้ง
ก็ไม่เหมาะสมเช่นกัน เพราะต้องการทำบุญด้วยความบริสุทธิ์
คือเมื่อใส่บาตรให้พระไปแล้ว ก็ควรนำไปทำทาน หรือบริจาคให้กับผู้ยากไร้
ที่เหลือจากพระฉันแล้วหรือเด็กวัดรับประทานเรียบร้อยแล้ว จะดีกว่ามาเวียนซ้ำ
ด้านนางอัญรินทร์ คีรีกุลไพศาล
แม่ค้าไก่ทอด กล่าวว่า ในความเป็นจริงในอดีตที่ผ่านมา พระสงฆ์ทุกรูปต้องเดินบิณฑบาต
ถึงจะถูกต้อง
แต่ปัจจุบันนี้ไม่ทราบต้องปฏิบัติอย่างไร
แต่ขณะนี้เห็นเกือบทุกจุด เช่น ตลาดศุภฤกษ์ ,ตลาดศรีเจริญ มีพระมายืนเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังมีบางองค์ที่เดินรับบิณฑบาต
สำหรับที่มีแม่ค้ามาตั้งโต๊ะ
จำหน่ายอาหารใส่บาตรนั้น ก็ถือว่าเป็นปกติที่มาตั้งขาย
เพราะจะไปเดินเร่ขายก็คงไม่สะดวก
แต่อย่างไรก็ตามมองว่าเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่จะมาใส่บาตรบริเวณดังกล่าว
เนื่องจากจะมีที่กรวดน้ำให้ด้วย
ซึ่งดูภายนอกเป็นเช่นนั้น แต่ลึกๆไม่ทราบ เพราะเห็นเช่นนี้มานานแล้ว
โดยจะไปใส่บาตรภายในวัดก็ไม่สะดวกสบาย จึงต้องทำให้ลักษณะเช่นนี้แทน
เพราะสะดวกสบาย
นางนำมา จงกุลแก้ว
แม่ค้า กล่าวว่า
ตนเห็นพระสงฆ์มายืนรับบาตร เป็นประจำโดยไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหนเลย แต่ตามพระพุทธศาสนาแล้ว
พระสงฆ์จะต้องเดินบิณฑบาตไปเรื่อยๆ ได้อาหารเท่าไหนก็ได้เท่านั้น เพื่อพอฉัน เพราะพระที่มาบวชเรียนแล้ว
จะต้องตัดทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ใช่มีคนนำอาหารมาใส่บาตรแล้ว
กลับนำอาหารไปขายต่อให้กับพ่อค้าแม่ค้า และนำกลับมาให้ประชาชนไปใส่บาตรอีก ซึ่งถือว่าไม่ถูกต้อง แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้
โดยจะต้องขึ้นอยู่กับพระผู้ใหญ่ที่จะต้องออกกฎระเบียบ ห้ามให้พระยืนรับบิณฑบาตอยู่กับที่
โดยต้องเดินไปยังจุดต่างๆด้วย
ด้านพระครูวิบูลปริยัติกิจ
เจ้าอาวาสวัดวิบูลสัณหธรรม เจ้าคณะอำเภอศรีราชา
กล่าวถึง
กรณีที่มีการร้องเรียนว่าพระสงฆ์รับบิณฑบาต
โดยยืนอยู่กับที่และไม่เคลื่อนย้ายไปไหน
ถือว่าไม่ได้ปฏิบัติตามกิจของการบิณฑบาต ซึ่งต้องเดินไปเรื่อยๆตามละแวกบ้าน
โดยเมื่อพระสงฆ์ไปยืนเฉยๆรอคอย เหมือนคนขอทาน สร้างความลำบากใจต่อประชาชนชาวพุทธ
ที่พบเห็น หลังจากนี้ จะสั่งการให้เจ้าคณะผู้ปกครอง
ไปตรวจสอบและดำเนินการในเรื่องนี้ในพื้นที่ที่ได้รับการร้องเรียน
ส่วนกรณีที่มีชาวบ้านมองว่า
เป็นการทำธุรกิจระหว่างพระกับกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ในการใส่บาตรนั้น ซึ่งเรื่องนี้เคยมีปัญหาอยู่
หลังที่เจ้าคณะผู้ปกครองลงพื้นที่ไปตรวจสอบกรณีดังกล่าว นอกจากนั้นยังมีข่าวว่าเป็นการจ้างพระสงฆ์
มายืนอยู่บริเวณดังกล่าววันละเท่าไรด้วย
ซึ่งสิ่งเหล่านี้จึงขอความร่วมมือจากประชาชนชาวพุทธ
หากเห็นเช่นนี้ก็อย่าไรซื้อสินค้าที่กระทำรูปแบบดังกล่าว
เพราะถ้าไปซื้อและแม่ค้ามีรายได้ก็จะกระทำรูปแบบเช่นนี้อีก
จึงต้องฝากขอร้องให้ช่วยๆกันรักษาพระพุทธศาสนา และประคับประคอง
สิ่งที่ถูกต้องดีงามต่อไป
พระครูวิบูลปริยัติกิจ กล่าวต่อไปว่า
สำหรับพระสงฆ์ที่ปฏิบัติตัวเช่นนั้น
บทลงโทษนั้น เป็นเพียงพฤติกรรมทำให้เกิดความศรัทธาเสื่อมลงเท่านั้น
แต่ไม่ได้ผิดวินัยสงฆ์ขั้นรุนแรงที่จะต้องถูกจับสึก ดังนั้นจึงต้องขอความร่วมมือกับประชาชน
ไม่ไปช่วยเหลือสนับสนุนและช่วยเหลือกับกรณีดังกล่าว
ความคิดเห็น
/