ดีเดย์ 1 มี.ค.ท่าเรือแหลมฉบัง เปิดใช้ประตู
1 เพื่อระบายการจราจรภายในท่าเรือแหลมฉบังอย่างเป็นทางการ หลังทุ่มงบประมาณ กว่า 1,000
ล้านบาทตามโครงการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก
เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรภายในท่าเรือแหลมฉบัง
วันนี้ (21 ก.พ.) เรือโทยุทธนา
โมกขาว รองผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
เผยว่าตามที่ทางท่าเรือแหลมฉบังจัดทำโครงการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกของท่าเรือแหลมฉบัง
เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรภายในท่าเรือแหลมฉบัง
รวมทั้งยกระดับการให้บริการให้สามารถรองรับปริมาณตู้สินค้าได้ที่ 10
- 11 ล้านทีอียูต่อปี สอดรับต่อแผนการพัฒนาท่าเรือในระยะยาว
ซึ่งจะใช้งบประมาณ จำนวน 1,036 ล้านบาท
ซึ่งขณะนี้แล้วเสร็จสมบูรณ์แล้ว ทั้งถนน สะพานข้ามแยก และด่านเก็บเงิน
โดยใช้ระยะเวลาในการก่อสร้าง 2 ปี
โดยโครงการแบ่งออกเป็น 2
ส่วน คือ โครงการบริเวณภายในการท่าเรือ เช่น การขยายถนนเดิมจาก 4
ช่อง เป็น 6 ช่อง โดยเพิ่มฝั่งละ 1 ช่องจราจร ระยะทางประมาณ 4.6 กิโลเมตร
งานก่อสร้างสะพานข้ามแยก และงานก่อสร้างอาคารด่านเก็บเงินประตูตรวจสอบสินค้า 1
เพิ่มเติม จำนวน 4 หลัง (14 ช่อง)
การก่อสร้างอาคารด่านเก็บเงินประตูตรวจสอบสินค้า 3 เพิ่มเติม
จำนวน 2 หลัง (6 ช่อง)
สำหรับโครงการภายนอกการท่าเรือแหลมฉบัง
ประกอบด้วย การขยายถนนเดิมระยะทางประมาณ 3
กิโลเมตร งานก่อสร้างสะพานกลับรถ งานก่อสร้างสะพานข้ามแยก
และงานติดตั้งระบบสัญญาณไฟจราจร โดยทั้งภายใน และภายนอกการท่าเรือ
จะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้าง 518 วัน ซึ่งขณะนี้แล้วเสร็จแล้ว และได้มีการตรวจรับงานไปแล้วเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
แต่มีบางส่วนที่ต้องมีการปรับปรุงแก้ไขซึ่งขณะนี้แล้วเสร็จแล้ว
เรือโทยุทธนา กล่าวต่อไปว่า
ขณะนี้โครงการก่อสร้างต่างๆ เสร็จสมบูรณ์แล้ว เป็นไปตามแบบแปลนและได้มาตรฐานที่วางไว้
โดยในวันที่ 1 มีนาคม นี้ ท่าเรือแหลมฉบังจะเปิดให้ใช้ประตูตรวจสอบสินค้า 1
แบบเต็มรูปแบบ 100 % โดยเปิดให้บริการ ทั้ง 14
ช่อง พร้อมทั้งทำการสำรวจปริมาณและการมาใช้บริการของรถบรรทุกสินค้า
และสภาพการจราจร ว่าเป็นอย่างไร
เพื่อนำมาเปรียบเทียบดู
ในช่วงที่เปิดประตู1แล้ว กับสภาพการจราจรที่ยังไม่ได้เปิดใช้ประตู1
เป็นอย่างไรบ้าง
สามารถอำนวยการความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการได้จริงหรือไม่
โดยที่ผ่านมาได้มีการประชาสัมพันธ์ให้กับผู้ประกอบการทั้งหมดได้รับทราบ และได้มาทดลองใช้กันบ้างแล้ว
หากโครงการต่างๆ แล้วเสร็จจะสามารถแก้ไขปัญหาการจราจรได้อย่างยั่งยืนต่อไป
นอกจากนั้น ทางการท่าเรือแหลมฉบัง
ยังมีโครงการการจองเวลาการส่งสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อการส่งออก
โดยจะให้ผู้ประกอบการสามารถระบุระยะเวลาในการส่งตู้สินค้าซึ่งคนขับรถไม่ต้องมาเสียเวลารอแต่อย่างใด
และผู้ประกอบการไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย ขณะนี้ได้ว่าจ้างบริษัทฯ
ทำการศึกษาโครงการนี้ ซึ่งโครงการต่างๆ เป็นการแก้ไขปัญหาทางกายภาพ และทางการท่าเรือแหลมฉบัง
ก็ต้องปรับปรุงด้านการบริหารจัดการให้ดีขึ้น
ความคิดเห็น
/