นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย
ในพระบรมราชูปถัมภ์ ออกโรงให้กำลังใจ “หมอแสง
” ต่อสู่เพื่อผู้ป่วยมะเร็ง แม้ สาธารณสุข
จะออกมาเปิดผลวิจัยสมุนไพรสูตรหมอแสง
ไม่มีผลยับยั้งเซลล์มะเร็งในระดับหลอดทดลองก็ตาม เผยมีผู้ป่วยจำนวนมากที่จะยังเดินทางไปรับยาในวันที่ 5
พ.ค.นี้ ..ตั้งคำถาม ก.สาธารณสุข คิดอะไรอยู่?
วันนี้ ( 1
พ.ค.) ดร.ฉวีวรรณ คำพา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย
ในพระบรมราชูปถัมภ์ และประธานกรรมการบริหาร บริษัทในเครือฉวีวรรณ
ได้ออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชนในฐานะผู้ที่ได้สัมผัสกับการทำงานของ “หมอแสง”
หรือ นายแสงชัย แหเลิศตระกูล
ผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังด้านการใช้สมุนไพรในการบรรเทาอาการเจ็บปวดของผู้ป่วยมะเร็งที่หมดหนทางรักษา
จนได้รับการยกย่องจากผู้ป่วยและญาติของผู้ป่วยให้เป็น “หมอ”
ว่า จากที่ได้มีโอกาสนำยาสมุนไพร “หมอแสง”
แจกจ่ายให้กับผู้ป่วยมะเร็งทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ทำให้มั่นใจว่า
ในวันนี้ผู้ป่วยมะเร็งซึ่งไร้ที่พึ่ง ยังคงมั่นใจในยาสมุนไพรของ “หมอแสง”
แม้ล่าสุด กรมการแพทย์
กระทรวงสาธารณสุข จะออกมาเปิดเผยผลวิจัยสมุนไพรสูตรหมอแสง
ว่าไม่ได้ผลในการยับยั้งเซลล์มะเร็งในระดับหลอดทดลอง
และไม่สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้ ก็ตาม
“จากที่ได้พูดคุยกับคนมากมายที่มีโอกาสรับยา
หมอแสง ส่วนใหญ่ทุกคนบอกว่าดีขึ้น บางรายป่วยเป็นมะเร็งระยะที่ 3
มาขอรับยาไปและบอกว่าไม่ขอทำคีโม เพราะใช้ชีวิตมาคุ้มแล้ว
เขาก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ออกกำลังกายได้ บางรายมาขอรับยาไปแล้วกลับไปทำคีโม
ร่างกายก็ทรุด แต่เมื่อกลับมารับยาใหม่ก็ดีขึ้น เรื่องนี้ก็บอกไม่ได้เหมือนกัน
แต่ในวันนี้สิ่งที่เชื่อมั่นคือ ทุกคนยังคงมั่นใจในยาสมุนไพรของ “หมอแสง”
เห็นได้จากจำนวนผู้ที่มาขอรับยาซึ่งไม่เคยลดจำนวนลง
มีแต่จะเพิ่มมากขึ้น”
ดร.ฉวีวรรณ ยังเผยถึงกระแสข่าว “ หมอแสง”
จะหยุดให้ยาบรรเทาความเจ็บปวดของผู้ป่วยมะเร็ง
หลังท้อใจกับผลวิจัยของกระทรวงสาธารณสุขว่า ในฐานะที่ได้สัมผัสกับการทำงานของ “หมอแสง”
เชื่อว่าสิ่งที่พูดออกมาน่าจะเกิดจากความน้อยใจ
และยังมั่นใจว่าในวันนี้ผู้ป่วยมะเร็งส่วนใหญ่ ยังมุ่งมั่นที่จะขอรับยาจาก “หมอแสง”
และเชื่อมั่นว่า “หมอแสง” จะไม่ทอดทิ้งผู้ป่วยและไม่ยกเลิกการแจกยาอย่างแน่นอน
เนื่องจากยังมีความเป็นห่วงผู้ป่วยกลุ่มนี้อยู่มาก
“ที่เป็นห่วงคือแล้ว หมอแสง
จะเอาเงินที่ไหนมาผลิตยา
เพราะเมื่อครั้งที่รู้จักกันใหม่ๆ ท่านผลิตยาแค่เพียงเดือนละ 2
หมื่นแคปซูล แต่ในวันนี้ยอดการผลิตพุ่งสูง
3-4 แสนแคปซูล
ซ้ำสมุนไพรแต่ละชนิดที่นำมาใช้
ต้องซื้อมาในราคาสูงถึงหลักล้านบาทต่อกิโลกรัม
ก็เลยอยากถามกลับไปยังกระทรวงสาธารณสุขว่า ท่านคิดอะไรอยู่
เพราะในความเป็นจริงแล้ว กระทรวงฯ ควรหาแนวทางช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีจำนวนมาก
และควร หาทางช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็ง มีทางเลือกในการรักษาอาการเจ็บปวด
ดีกว่ามาต่อสู้กันทางคำพูด”
ที่สำคัญหน่วยงานราชการ
ต้องหาวิธีการที่จะอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่เข้ามารับยา
ให้มีวิถีการรอที่ดีกว่าเดิม ไม่ใช่ในลักษณะปล่อยให้นอนกลางดิน กินกลางทราย
และใช้เวลาหลายวันเพื่อรอรับยา จนต้องหมดเงินค่าใช้จ่ายในการเดินทางจำนวนมาก
ดร.ฉวีวรรณ ยังเผยถึงกระแสข่าวเรื่อง
การขายสูตรยาสมุนไพรให้กับบริษัทยายักษ์ใหญ่จากต่างประเทศ หากสุดท้าย “หมอแสง”
ต้องถอดใจกับสิ่งที่ต้องต่อสู้ในปัจจุบันว่า “หมอแสง”
เป็นคนมีน้ำใจ และยังหวงใยคนไทยที่ป่วยมะเร็งอยู่
ดังนั้นจึงเชื่อมั่นได้ว่า “หมอแสง” จะไม่มีการขายสูตรยาอย่างแน่นอน และสิ่งที่อยากฝากไปถึงก็คือ
ขอให้ “หมอแสง” อย่าท้อ และต้องสู้ต่อไป
เพราะยังมีประชาชนที่ยังต้องการความช่วยเหลืออีกหลายหมื่นคน และตนเองพร้อมที่จะให้กำลังใจให้ทำงานต่อไป
ความคิดเห็น
/