กระทรวงทรัพย์ฯ เตรียมใช้มาตรา 17 ในพื้นที่ อ.ศรีราชาและอ.เกาะสีชัง เน้นแนวเขตจอดเรือและการขนถ่ายสินค้า เพื่อเข้มงวดการลักลอบทิ้งน้ำเสีย ขยะ และฝุ่นละอองจากการขนถ่ายสินค้า หากพบโทษปรับ1 แสน คุก 1 ปี
วันนี้(15 ส.ค.) นายธเนศ มั่นน้อย ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 2 จ.ชลบุรี พร้อมด้วยสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 13 ชลบุรี ,สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชลบุรี เจ้าหน้าที่ คสช.ศรีราชา ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบปัญหาขยะและสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทะเลบริเวณทะเลศรีราชาและเกาะสีชัง หลังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ให้ความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณดังกล่าว เช่น แพลงก์ตอนบูม และปลาตาย โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่มีการดำเนินการอย่างไรบ้าง
โดยสภาพพื้นที่ชายฝั่งทะเลจังหวัดชลบุรีนั้น ได้รับอิทธิพลจากลมตะวันตกเฉียงใต้ พัดพาขยะจากอ่าวไทย เข้ามาในพื้นที่จังหวัดชลบุรี นอกจากนั้นบริเวณด้านบนยังมีแม่น้ำเจ้าพระยา,แม่น้ำบางปะกง ,แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง จะพัดพาขยะและสิ่งต่างๆเข้ามาในพื้นที่เช่นกัน ทำให้พื้นที่จังหวัดชลบุรีได้รับผลกระทบจากปัญหาต่างๆทั้งสิ้น ทำให้เกิดปรากฎการณ์ต่างๆมองดูแล้วคล้ายน้ำทะเลเน่าเสีย
นายธเนศ กล่าวว่า ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นนั้น หน่วยงานที่รับผิดชอบในพื้นที่ต่างร่วมวางแนวทางในการป้องกัน โดยสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 2 จ.ชลบุรี เตรียมประกาศใช้มาตรา 17 ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. 2558 ครอบคลุมพื้นที่ที่ติดชายทะเลในอำเภอศรีราชา และ อำเภอเกาะสีชัง โดยเน้นการลักลอบทิ้งน้ำเสีย ,ขยะ และการขนถ่ายสินค้ากลางทะเลที่มีฝุ่นละอองส่งผลกระทบต่อน้ำทะเล ซึ่งจะมีโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ ขณะนี้รอความชัดเจนแนวเขตในการควบคุม เพื่อออกมาตรการบังคับใช้ต่อไป
นอกจากนั้นจะโครงการนำขยะกลับสู่ฝั่ง โดยเฉพาะกลุ่มเรือประมงที่ออกจับปลากลางทะเล ซึ่งมีการเตรียมเสบียงสิ่งของไปด้วย แต่เมื่อกลับสู่ฝั่งต้องนำขยะกลับมาทิ้งที่ฝั่ง หรือขยะที่ติดอวนจากการหาปลาจะต้องนำกลับมาทิ้งที่ฝั่งด้วย ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการที่จังหวัดสมุทรปราการแล้ว โดยจะมาขอความร่วมมือกับเรือประมงในพื้นที่อ.ศรีราชาและอ.เกาะสีชัง ในเร็วๆนี้ พร้อมจะมีศูนย์เฝ้าระวัง บริเวณศาลาพิทักษ์ทะเล ที่ต.บางทราย จ.ชลบุรี เพื่อเฝ้าระวังน้ำเปลี่ยนสี ,เหตุการณ์ปลาน็อกน้ำ ,หอยตาย หรือมีผู้ได้รับบาดเจ็บในทะเล ก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลและในการช่วยเหลือ
“ปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อน้ำทะเลและชายฝั่ง เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ขาดจิตสำนึก ในการดูแลด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งทุกๆฝ่ายต้องให้ความร่วมมือโดยไม่ทิ้งขยะ ,น้ำเสีย ลงทะเล ซึ่งหากได้รับความร่วมมือดังกล่าวแล้วปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นก็จะลดน้อยลงหรือหมดไป”นายธเนศ กล่าว
ความคิดเห็น
/