มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออกจัดสัมมนาพัฒนาบัวให้เป็นพืชเศรษฐกิจ
หาแนวทางการแก้ไขปัญหาการส่งออกไม้ดอกไม้ประดับ และการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากงานวิจัย
วันนี้ ( 1 ก.ย.
) สถาบันบัวราชมงคลตะวันออก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก จัดการประชุมสัมมนาพัฒนาบัวให้เป็นพืชเศรษฐกิจ
และแนวทางการแก้ไขปัญหาการส่งออกไม้ดอกไม้ประดับ
รวมทั้งการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากงานวิจัย ซึ่งกำหนดจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 1 –
3 กันยายน 2561 ณ
สถาบันบัวราชมงคลตะวันออก จังหวัดชลบุรี
โดยได้รับเกียรติจาก ดร.ณรงค์ โฉมเฉลา ประธานเครือข่ายพืชปลูกพื้นเมืองไทย
กล่าวเปิดงาน และรองศาสตราจารย์ ดร.เตือนตา
ชาญศิลป์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก
กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมงาน ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มนักวิชาการ ครู อาจารย์ ผู้ประกอบการ
พนักงานภาครัฐ ภาคเอกชน เกษตรกร
ผู้ส่งออก นักศึกษา และผู้สนใจทั่วไป เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก
ซึ่งภายในงานมีการบรรยายพิเศษ โดยวิทยากรชื่อดัง
ระดับประเทศซึ่ง อย่างเช่น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ณ นพชัย ชาญศิลป์
นักวิจัยปรับปรุงพันธุ์ ผสมพันธุ์บัว แชมป์บัวสวยที่สุดในโลก มากกว่า 10
สายพันธุ์ ปัจจุบันท่านดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันบัวราชมงคลตะวันออก
และ ระดับโลก การนำเสนอผลงาน
อภิปรายแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์
การแสดงนิทรรศการ และกิจกรรมสังสรรค์ “พบปะ
คนรักบัว”
การจัดงานครั้งนี้
จะส่งผลดีต่อหลายภาคส่วน ได้แก่ ด้านวิชาการ
ซึ่งผู้เข้าร่วมประชุมและสัมมนาจะได้รับความรู้เกี่ยวกับบัว และการแก้ไขปัญหาการส่งออกไม้ดอกไม้ประดับ
ความรู้ทางด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ เกี่ยวกับบัวเพิ่มมากขึ้น ด้านความร่วมมือ
นักวิชาการ ผู้ประกอบการ ผู้สนใจบัว จะมีความร่วมมือทางด้านบัวกันมากขึ้น
ด้านการตลาด
การทำให้บัวเป็นพืชที่มีศักยภาพ ความต้องการด้านตลาดสูงขึ้น
ด้านการท่องเที่ยว บัวจะได้รับความสนใจและใช้ปลูกเชิญชวน ให้คนสนใจท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น
และด้านประชาสัมพันธ์เป็นการเผยแพร่ชื่อเสียงให้แก่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก
และสถาบันบัวราชมงคลตะวันออก เพิ่มมากขึ้น
ปัจจุบัน
มีบัวลูกผสมที่เกิดขึ้นใหม่ในประเทศไทย จำนวนมากและหลายสายพันธุ์มีลักษณะดีเด่น
เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ แต่บัวลูกผสมส่วนใหญ่ที่มีลักษณะดี
มักจะขยายพันธุ์ทางธรรมชาติค่อนข้างยากและไม่ค่อยแตกหน่อ
โอกาสที่จะได้ต้นจำนวนครั้งละมาก ๆ จึงค่อนข้างใช้เวลานาน
ส่งผลต่อปริมาณที่ผลิตได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด การใช้เทคนิคการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อมาขยายพันธุ์พืช
ทำให้ได้ต้นกล้าปลอดโรค คุณภาพดี
และคงเอกลักษณ์ของสายพันธุ์เดิมไว้
จึงสามารถส่งออกได้โดยไม่ต้องกังวลปัญหาเรื่องโรคและแมลง
ทางคณะผู้วิจัยจึงเล็งเห็นว่าการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อบัวประดับ ด้วยระบบไบโอรีแอคเตอร์แบบจมชั่วคราวเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะเป็นพื้นฐานในการพัฒนาและแก้ปัญหาด้านปริมาณการผลิตต้นพันธุ์
การขยายพันธุ์เชิงการค้า
ตลอดจนงานปรับปรุงพันธุ์บัวประดับเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไปในอนาคต
อีกทั้งได้มีการศึกษาพัฒนาออกแบบระบบไบโอรีแอคเตอร์แบบจมชั่วคราว
ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับในการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อบัวประดับสายพันธุ์ต่าง ๆ
ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจนับว่ามีความสะดวก
ในการปฏิบัติงาน เพิ่มมาตรฐานในการควบคุม-รายงานผลด้วยระบบโปรแกรมและเพื่อเป็นการตอบสนองยุทธศาสตร์สำคัญของนายกรัฐมนตรี
ที่ต้องการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่ “Value-Based Economy” หรือ
“เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม” ซึ่งประเทศกำลังก้าวสู่โมเดล“ประเทศไทย
4.0” หรือ “ไทยแลนด์ 4.0” โดยการเติมเต็มด้วยวิทยาการ
ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา
แล้วต่อยอดความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบที่เกี่ยวข้อง ในกลุ่มเทคโนโลยี
และอุตสาหกรรมเป้าหมายต่อไป
ความคิดเห็น
/