ท่าเรือแหลมฉบัง จัดพิธีขึ้นระวางเรือ "ท่าเรือ 305 " และ "ท่าเรือ 306 " เรือลากจูงขนาดกำลังฉุดไม่น้อยกว่า 50 เมตริกตัน ติดตั้งระบบบังคับเรือด้วยเทคโนโลยีทันสมัย เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการลากจูงเรือสินค้าขนาดใหญ่
วันนี้ (5 ต.ค.61) ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ได้จัดให้มีพิธีขึ้นระวางเรือ “ท่าเรือ 305 ”และ "ท่าเรือ 306 " ณ
ท่าเทียบเรือชายฝั่ง (ท่าเทียบเรือ A) ท่าเรือแหลมฉบัง
อ.ศรีราชา โดยมี พลเอก วิวรรธน์ สุชาติ กรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
พร้อมผู้บริหารและพนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทย ,กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี เครสท์ มารีน จำกัด
และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วม โดยมี ร.ต.ต. มนตรี ฤกษ์จำเนียร
ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง ให้การต้อนรับพร้อมกล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการต่อเรือทั้ง
2 ลำว่า
เป็นไปตามนโยบายของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
โดยได้จ้างเหมาให้ บริษัท ซี เครสท์ มารีน จำกัด
ต่อเรือลากจูงขนาดกำลังฉุดไม่น้อยกว่า 50 เมตริกตัน จำนวน 2 ลำ ชื่อเรือ "ท่าเรือ 305 " (สาม-ศูนย์-ห้า) และ "ท่าเรือ 306 " (สาม-ศูนย์-หก)
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการลากจูงเรือสินค้าขนาดใหญ่
ซึ่งการต่อเรือเป็นไปตามแผนงานการต่อเรือที่กำหนดไว้เป็นที่เรียบร้อยแห่งสัญญา305 ทุกประการ จนสามารถประกอบพิธีขึ้นระวางเรือได้สำเร็จ
สำหรับเรือ "ท่าเรือ 305 " (สาม-ศูนย์-ห้า) และ "ท่าเรือ 306 " (สาม-ศูนย์-หก) เป็นเรือที่มีขนาดกำลังฉุดไม่น้อยกว่า 50 เมตริกตัน มีขนาดความยาวตลอดลำ 32.0 เมตร ความกว้าง 11.5 เมตร ตันกรอส 521.00 ความเร็วสูงสุดไม่น้อยกว่า 12 นอต
และยังเป็นเรือที่ติดตั้งระบบการบังคับเรือที่มีเทคโนโลยีอันทันสมัย
ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพในการให้บริการลากจูงเรือสินค้าขนาดใหญ่ให้สามารถเข้าเทียบท่าและออกจากท่าเทียบเรือได้อย่างสะดวก
รวดเร็ว และปลอดภัย
ตอบสนองการให้บริการในฐานะองค์กรสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและการขนส่งทางน้ำ
มุ่งสู่การเป็นประตูการค้าหลักของประเทศที่มีการให้บริการที่เป็นเลิศ
เพื่อสนับสนุนระบบเศรษฐกิจและการแข่งขันได้ในระดับสากล
ขณะที่ พลเอก วิวรรธน์ สุชาติ กรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า
การขนส่งสินค้าทางทะเลมีความสำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจการค้าของประเทศ
ซึ่งการท่าเรือแห่งประเทศไทย
มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ
จนเป็นที่ยอมรับของผู้ใช้บริการทั้งในและต่างประเทศ
“การดำเนินการต่อเรือลากจูงใหม่ทั้ง 2ลำแล้วเสร็จตามกำหนด
พร้อมใช้ในภารกิจเพื่อความปลอดภัยและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ จะสามารถสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ใช้บริการ
อันจะเป็นการสนับสนุนการขนส่งทางน้ำ
ตลอดจนระบบเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศได้เป็นอย่างดี ”พลเอก วิวรรธน์ กล่าว
ความคิดเห็น
/