นักโภชนาการโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี
ณ ศรีราชา แนะนำการกินเจอย่างไรให้มีสุขภาพที่ดี ไม่อ้วน
และอาหารประเภทใดที่ควรและไม่ควรรับประทาน ต้อนรับเทศกาลกินเจที่จะถึงนี้
เนื่องจากในระหว่างวันที่
8 – 18 ตุลาคม 2561 เป็นเทศกาลกินเจ ที่คนไทยเชื้อสายจีน และประชาชนทั่วไปต่างละเว้นการกินเนื้อสัตว์
หันมาบริโภคอาหารจำพวกผัก ผลไม้ และแป้ง แทนที่
ซึ่งหลายคนก็จะมีผลกระทบตามมาคือการมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น หรือมีความรู้สึกว่าอ้วนขึ้น
ซึ่งอาจจะเกิดอัตราเสี่ยงต่อผู้ป่วยที่เป็นโรคความดัน และโรคเบาหวาน ได้
ดังนั้น
นางสาวสุนิษา ประมวล ผู้ชำนาญการนักโภชนาการ6 โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา
ได้ออกมาแนะนำประชาชนที่เตรียมตัวจะกินเจในปีนี้ว่า การกินเจต้องกินให้ครบ 5
หมู่ ซึ่งอาหารจำพวกโปรตีนที่มาจากเนื้อสัตว์ ในช่วงการเจต้องเลี่ยง
จึงแนะนำให้บริโภคถั่วเนื้อแข็ง เช่นถั่วเหลือง ถั่วเขียว
สามารถแปรรูปมาเป็นเต้าหู้ และอาหารได้หลายชนิด ส่วนจำพวกแป้งที่แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์คล้ายเนื้อสัตว์
ทางโภชนาการไม่ขอแนะนำให้รับประทาน ซึ่งกินเข้าไปก็จะทำให้อ้วน
ส่วนประเภทผักผลไม้ควรกินแบบที่สด พวกผักดองผลไม้ดองก็ไม่ควรกิน
อาหารเจที่รับประทานแล้วได้ประโยชน์ดีที่สุดควรเป็นอาหารจำพวกต้ม
ปิ้ง นึ่ง ควรเลี่ยงอาหารทอด เนื่องจากอาหารส่วนมากทำมาจากแป้งแล้วนำไปทอดกับน้ำมัน
ก็จะทำให้ยิ่งอ้วนขึ้นไปอีก
สิ่งที่สำคัญอีกเรื่องคือการรับประทานอาหารหวาน
หลายคนเชื่อว่าเมื่อกินเจแล้วรับประทานอาหารหวานได้ไม่อย่างเต็มที่
ก็เป็นความเข้าใจที่ผิดอีก ส่วนน้ำผลไม้และนมกล่องก็สามารถทานได้แต่ไม่ควรเกิน 3
กล่องต่อ 1 วัน
อาหารเจถ้ารับประทานถูกวิธีก็จะช่วยในการลดน้ำหนักได้อีกด้วย
โดยการเน้นกินผัก โดยเฉพาะผักใบ ไม่ควรกินผักชนิดหัว เช่นหัวไชเท้า แครอท เผือก
ซึ่งผักเหล่านี้เป็นพืชในตระกูลแป้ง พอย่อยสลายจะกลายเป็นน้ำตาล
เป็นอันตรายต่อร่างกายอีก ส่วนอาหารจำพวกเห็ดก็จะให้โปรตีนเช่นเดียวกับพืชตระกูลถั่ว
สำหรับการทานผักในช่วงนี้จะทำให้ระบบทางเดินอาหารได้ทำงานน้อยลง
ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด รสเผ้ดจะทำให้กระเพาะทำงานหนักขึ้น
อาหารรสเค็มระบบไตก็จะทำงานหนัก สุดท้ายควรกินข้าวที่ไม่ขัดสี
เพราะจะช่วยในการขับถ่าย การย่อยอาหาร
การกินผักจะช่วยในการชำระล้างสารพิษในร่างกายได้อีกด้วย
ความคิดเห็น
/