saostar

Banner โฆษณา

ไทยออยล์ ฟังความเห็นประชาชน โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อน ครั้งที่ 1



ชาวบ้านแหลมฉบัง-อ่าวอุดม กว่า 600 คน ร่วมรับฟังความคิดเห็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อน  บ.ไทยออยล์ ครั้งที่ 1 พร้อมเสนอแนะให้วางมาตรการดูแลสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นโรงไฟฟ้าโรงที่ 3 ที่ใช้กากน้ำมันเป็นเชื้อเพลิง

วันนี้( 7ธ.ค.) นางจินดา  ถนอมรอด นายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง  เป็นประธานการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้ที่ส่วนได้เสีย ครั้งที่ 1 ต่อร่างข้อเสนอโครงการ รายละเอียดโครงการ ขอบเขตการศึกษา และการประเมินทางเลือกโครงการ โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อน บริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ณ ศาลาประชาคมอ่าวอุดม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี  โดยมีนายวิโรจน์  มีนะพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านกำกับกิจการองค์กร บริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ซีคอท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาโครงการ ให้การต้อนรับ โดยมีชุมชนในพื้นที่แหลมฉบัง-อ่าวอุดม และใกล้เคียงโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ กว่า 600 คน ร่วมประชุมในครั้งนี้

ด้านนายประทีป  เลียงเพ็ชร  ผู้จัดการรัฐกิจสัมพันธ์และการจัดการสิ่งแวดล้อม บริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า  ทางบริษัทฯมีโครงการจะก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังความร้อน ซึ่งเป็นโรงฟ้าที่มีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้า 250  เมกะวัตถ์  ซึ่งตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยโครงการดังกล่าว เป็นโครงการที่เข้าข่ายต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) ดังนั้นบริษัทฯ จึงจัดให้มีการดำเนินการมีส่วนร่วมและการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ดังกล่าว

โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อน จะใช้พื้นที่ประมาณ 37 ไร่  ในพื้นที่กลุ่มไทยออยล์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี  เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าและไอน้ำด้วยเครื่องกำเนิดไฟฟ้าชนิดกังหันไอน้ำ  โดยใช้กากน้ำมัน เป็นเชื้อเพลิงหลัก และใช้น้ำมันและก๊าซ เป็นเชื้อเพลิงสำรอง ซึ่งโครงการดังกล่าว จะเสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้าของกลุ่มไทยออยล์ ,เพื่อสนับสนุนการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม ส่งผลดีต่อความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของประเทศ  และเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนและท้องถิ่น

นายประทีป  กล่าวต่อไปว่า  ในการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย ในครั้งนี้ เพื่อให้คณะผู้ศึกษานำข้อมูลกลับมาประกอบการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ในครั้งที่ 1 และจะมีอีกในครั้งที่ 2 จากนั้นจัดทำเป็นรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาในระยะหนึ่ง กว่าจะสมบูรณ์ เพื่อนำรายงานส่งสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ สผ. พิจารณาตามลำดับขั้นตอนต่อไป

หากโครงการ ได้รับความเห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและได้รับอนุญาตจากหน่วยงานแล้ว บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 49  เดือน และเริ่มดำเนินการผลิตกระแสไฟฟ้า ประมาณปี พ.ศ. 2566นายประทีป กล่าว

ด้านนายเสถียร  เอกจรัสภิวัฒน์  ประธานชุมชนตลาดอ่าวอุดม  กล่าวว่า  ที่ผ่านมาบริษัทไทยออยล์  มีโรงไฟฟ้าอยู่แล้ว  2  โรง และขณะนี้จะสร้างเพิ่มขึ้นอีก 1 โรง โดยจะมีปล่องระบายอากาศในพื้นที่โครงการฯ อีก  3 ปล่อง และจะมีมลสารทางอากาศที่เกิดขึ้น ประกอบด้วย ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ,ก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน  และฝุ่นละออง  ซึ่งปล่องควันที่เกิดขึ้นใหม่นั้นขอให้ทางบริษัทฯ กำจัดให้หมดก่อนจะปล่อยออกสู่นอกโรงงาน เพื่อให้ชาวบ้านได้รับผลกระทบน้อยที่สุดและที่สำคัญจะต้องออกตรวจสอบผลกระทบที่จะเกิดกับชาวบ้านอย่างต่อเนื่องด้วย เพื่อสร้างความปลอดภัย

ส่วนนายวิศิษฐ์  พุทธตรัส  ประธานชุมชนบ้านทุ่ง   กล่าวว่า  ที่ผ่านมาโรงไฟฟ้าไทยออยล์  มี 2 โรง ซึ่งใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิง  แต่โรงไฟฟ้าแห่งใหม่นั้นใช้กากน้ำมันเป็นเชื้อเพลิงหลัก  ซึ่งไม่ทราบว่ากากน้ำมันจะดีหรือไม่อย่างไร ที่สำคัญมีปล่องควันเพิ่มขึ้นอีก ทั้งๆที่ผ่านมาก็มีมากอยู่แล้ว โดยขอให้บริษัทฯควรจะต้องดูแลมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม อย่างดีและมีประสิทธิภาพ เนื่องจากชาวบ้านที่อยู่รอบโรงงกลั่น มีทั้งเด็กเล็ก ,วัยรุ่น ,คนสูงอายุที่แข็งแรง และไม่แข็งแรง ดังนั้นมาตรฐานของชาวบ้านในแต่ละคนจะนำไปเปรียบเทียบกันไม่ได้ จึงขอฝากในเรื่องนี้เป็นสำคัญ

นายณฐกร  จันทร์ทรัพย์  ประธานชุมชนบ้านนาเก่า   กล่าวว่า  บริษัทไทยออยล์ มีโครงการขยายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโครงการต่างๆที่ผ่านมา เคยสร้างปัญหาหรือผลกระทบอะไรบ้าง ก็ขอให้ทางบริษัทฯนำประสบการณ์เก่าๆ มาดำเนินการกับโครงการใหม่ที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้

นายประทีป   กล่าวว่า  สำหรับข้อต่างๆที่ชุมชนและประชาชน เสนอไว้นั้น  ทางผู้บริหารบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทที่ปรึกษา ได้รับข้อมูลที่นำเสนอไว้ทั้งหมด เพื่อนำไปบรรจุไว้ในแผนงานการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับชาวบ้าน


ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ