saostar

Banner โฆษณา

สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี ลุยจับ 6 ร้านนวดแผนไทยผิดกฎหมาย


            สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี ประสานอำเภอศรีราชา และ สภ.ศรีราชา ลุยจับ  6 ร้านนวดแผนไทยประกอบการโดยผิดกฎหมาย พบหนึ่งในนั้นรับฉีดยาเสริมความงามโดยมิได้รับอนุญาต หากตรวจพบว่ากระทำจริง จะต้องถูกดำเนินคดีเพิ่ม จึงดำเนินการยึดยาและเจ้าของร้านมาดำเนินคดีด้วย

                เมื่อเวลาประมาณ 15.15 น. วันนี้ ( 22 เม.ย. ) นายแพทย์อภิรัต กตัญญุตานนท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี ได้มอบหมายให้ นางรติกร ประเสริฐไทยเจริญ เภสัชกรเชี่ยวชาญ ( ด้านเภสัชสาธารณสุข) ร่วมมือกับ นางสาวนริศรา ทิพยางกูร ปลัดอำเภอศรีราชา นายอภิชาต คงถอด ปลัดอำเภอศรีราชา และ ร.ต.อ.ณรงค์ โยธาแข็ง รองสวป.สภ.ศรีราชา ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบสถานประกอบการเพื่อสุขภาพเขตอำเภอศรีราชา จำนวน  6  แห่งที่พบว่าเปิดให้บริการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา ๑๒ ได้แก่ ร้านสบาย นวดเพื่อสุขภาพ , ลักกี้ ,มะลิวัลย์ นวดแผนไทย, TS , ชบา และ Mari

ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ส่งสายลับเข้าไปใช้บริการโดยนำธนบัตรที่ได้บันทึกเป็นหลักฐานในการล่อซื้อไปจ่ายเป็นค่าบริการ ก่อนแบ่งกำลังออกเป็น 4 ชุดกระจายกำลังกันไปตรวจสอบตามพื้นที่เป้าหมายโดยพร้อมเพรียงกัน  ซึ่งพบว่ามีการให้บริการนวดเพื่อสุขภาพโดยไม่ได้รับอนุญาตจริง จึงแจ้งข้อกล่าวหาและเชิญหมอนวดและเจ้าของร้านทั้ง 6 แห่ง มาดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายต่อไป

ซึ่งจากการลงพื้นที่ยังพบว่ามีร้านให้บริการนวดชื่อร้าน Mari organic spa ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใจกลางเมืองศรีราชา ได้กระทำความผิดเปิดให้บริการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา ๑๒  แล้ว ยังพบว่ามีการโฆษณาลงในสื่อโซเชียลว่าให้บริการนวดหน้าอกศัลยกรรมสำหรับคนเสริมหน้าอก และการฉีดยาเสริมความงามลงในเพจของตนเอง จึงเข้าไปตรวจสอบในร้านพบยาเสริมความงามหลายชนิด รวมทั้งเข็มฉีดยาที่ใช้แล้วทิ้งอยู่ในถังขยะติดเชื้อ จึงยึดไว้ตรวจสอบ โดยเจ้าของร้าน แจ้งว่ายาดังกล่าวมีไว้เพื่อใช้เอง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจึงขอตรวจยึดยาทั้งหมดไปตรวจสอบ หากพบว่ามีการดำเนินการที่เกี่ยวกับความงามจริง จะดำเนินการตามกฎหมายทันที

สำหรับความผิดเกี่ยวกับการกระทำที่เข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายตามพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยทำการเปิดให้บริการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา ๑๒  นั้น ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ  หลังจากนี้ได้ดำเนินการส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป







ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ