หนุ่มรถเช่าร้องสื่อ
ถูกคนร้ายก่อเหตุใช้สีสเปรย์พ่นใส่รถหรูรอบคัน ถึง 2 คันรวด เชื่อแฟนเก่าน้องเมียเป็นผู้ก่อเหตุ เนื่องจากเคยก่อเหตุลักขโมยป้ายทะเบียนและเจาะลมยางรถมาแล้ว
ซึ่งก่อนหน้านั้นเคยตามง้อจนชักปืนมาข่มขู่ถึงห้องพักมาแล้วอีกด้วย ซึ่งที่ผ่านมาแจ้งความแล้ว
ตำรวจอ้างว่าไม่มีหลักฐาน
วันนี้
( 30 มิ.ย. ) นายชัชวาลย์ สุนทอง อายุ 43
ปี อาชีพคนขับรถหัวลาก ซึ่งก่อนหน้านั้นมีอาชีพขับรถเช่ารับส่งนักท่องเที่ยว
แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด 19 จึงทำให้นักท่องเที่ยวลดน้อยลงไป
จึงหันมาประกอบอาชีพขับรถหัวลาก ได้ร้องเรียนผู้สื่อข่าวว่า รถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร่สปอร์ต
ถูกคนร้ายนำสีสเปรย์มาพ่นใส่รอบคัน ทำให้เกิดความเสียหาย
เหตุเกิดเมื่อคืนที่ผ่านมา ที่บริเวณหอพักไม่มีชื่อ หมู่ 5 ตำบลบึง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สภ.หนองขาม ให้เข้ามาตรวจสอบแล้ว
และรอเจ้าของรถยนต์อีกคันไปแจ้งความดำเนินคดีพร้อมกัน
ในที่เกิดเหตุบริเวณลานจอดรถของหอพักพบนายชัชวาลย์
สุนทอง ผู้เสียหายยืนรออยู่ พร้อมชี้ให้ดูรถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร่สปอร์ต สีขาว
หมายเลขทะเบียน กน 861 ร้อยเอ็ด และรถยนต์มิตซูบิชิ
ปาเจโร่สปอร์ต สีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน เนื่องจากเจ้าของอยู่ต่างจังหวัดและถูกคนร้ายลักเอาป้ายทะเบียนไปก่อนหน้านี้
ได้รับความเสียหายถูกคนร้ายใช้สีสเปรย์สีดำพ่นใส่รอบคันทั้งสองคัน
จากการเปิดเผยของ
นายชัชวาลย์ สุนทอง กล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาตนเองกลับจากที่ทำงานมาประมาณ 22
นาฬิกา ก็มองดูรถยนต์ทั้งสองคัน
คันหนึ่งเป็นของตนเองและอีกคันหนึ่งเป็นของน้องสาวแฟน ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ
จนกระทั่งช่วงเช้าเพื่อนร่วมหอพักได้เดินมาเรียกพร้อมแจ้งว่ารถยนต์ทั้งสองคันถูกคนร้ายเอาสีมาพ่นใส่รอบคันจึงลงไปตรวจสอบ
พบว่ารถยนต์ของตนถูกคนร้ายก่อเหตุจริง จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาตรวจสอบ
จากการสันนิษฐานเบื้องต้นคาดว่าผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นนายเบิ้ม
อดีตสามีของน้องสาวแฟนเป็นผู้ก่อเหตุ
เนื่องจากตนเองไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งกับใครเลยนอกจากนายเบิ้มคนนี้
ซึ่งก่อนหน้านั้นรถคันที่ถูกก่อเหตุเคยถูกคนร้ายเข้ามาถอดทะเบียนทั้งหน้าและหลังไป
รวมทั้งยังเจาะยางรถยนต์ปล่อยลมออกถึงสองล้อด้วย แล้วเดินทางไปแจ้งความแต่ไม่มีหลักฐานเอาผิดกับนายเบิ้ม
ซึ่งก่อนหน้านั้นอีกนายเบิ้มยังเคยเอาปืนมาข่มขู่น้องภรรยาของตนด้วยเนื่องจากปัญหาครอบครัว
ซึ่งนายเบิ้มพยายามจะมาง้อขอคืนดีกับน้องสาวแฟน แต่ไม่เป็นผล
ล่าสุดทั้งสองคนได้หย่าขาดจากกันแล้ว
แต่นายเบิ้มยังคงอาฆาตตามราวีครอบครัวตนเองมาโดยตลอด
จึงมั่นใจว่าผู้ก่อเหตุในครั้งนี้จะต้องเป็นนายเบิ้มแน่นอน เพราะรู้จักหอพักและรู้ว่ารถยนต์คันไหนเป็นของใครบ้าง ซึ่งหลังจากนี้ตนเองจะเดินทางไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่มาก่อเหตุ
พร้อมจะนำหลักฐานที่มีเอาผิดกับผู้ก่อเหตุรายนี้ให้ได้
ความคิดเห็น
/