ภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพสองสาวขี่รถจักรยานยนต์มาซื้อของในร้านสะดวกซื้อ
ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์ผิดคัน ที่มียี่ห้อและสีเดียวกันออกไปจากร้าน
ก่อนที่เจ้าของรถจักรยานยนต์จะซื้อของเสร็จ ออกมาไม่พบรถจักรยานยนต์ของตนเอง
จึงขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด จึงทราบว่าสองสาวขี่รถจักรยานยนต์ออกไปผิดคัน
วันนี้
( 8 ก.ค. )
ภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพสองสาวขี่รถจักรยานยนต์ออกไปผิดคัน จนเจ้าของรถจักรยานยนต์ตัวจริงออกมาจะขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน
แต่ไม่พบรถจักรยานยนต์ของตนเอง จนต้องขอดูกล้องวงจรปิดจากร้านสะดวกซื้อ
จนทราบว่ามีสองสาวขี่รถจักรยานยนต์ออกไปผิดคันนั้น
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ
12.53 น.ของวันที่ 7 กรกฎาคม 2563 ได้มี นางสาวปริยากร วาปีกัง อายุ 29
ปี ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ สีแดงขาว
หมายเลขทะเบียน 1 กผ 505 ชลบุรี
เข้ามาจอดบริเวณลานจอดรถหน้าร้านสะดวกซื้อ ซีเจ
ซุปเปอร์มาเก็ต บริเวณสายศรีราชา-หนองยายบู่ หมู่ 2
ตำบลสุรศักดิ์ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
ก่อนเดินเข้าไปซื้อสินค้าในร้าน จนกระทั่งเวลาประมาณ 13.15 น.ได้มีนางสาวสุชาดา ยอดจันทร์ อายุ 21 ปี ขี่รถจักรยานยนต์สกู๊ปปี้ ไอ สีแดงขาว หมายเลขทะเบียน 1 กค 577 ลำปาง มาพร้อมกับพี่สาว เข้ามาจอดที่หน้าร้าน
ห่างจากที่นางสาวปริยากรจอดอยู่ก่อนหน้านี้ โดยห่างประมาณ 5 เมตร โดยมีรถจักรยานยนต์ของลูกค้าอีกคันจอดกั้นอยู่ตรงกลาง
ก่อนพี่สาวจะเดินเข้าไปในร้าน ส่วนนางสาวสุชาดายืนชั่งน้ำหนักหยอดเหรียญอยู่หน้าร้านก่อนเดินเข้าร้านไป
และอีกสามนาทีต่อมานางสาวสุชาดาและพี่สาวได้เดินออกมาจากร้าน
ก่อนขึ้นจะค่อมรถจักรยานยนต์ของนางสาวปริยากรแล้วไขกุญแจรถขี่ออกไป และในเวลา 13.24
น. นางสาวปริยากร
ได้เดินออกมาจากร้านและเดินไปดูที่รถจักรยานยนต์สกู๊ปปี้ ไอ สีแดงขาว
หมายเลขทะเบียน 1 กค 577 ลำปาง
ที่จอดอยู่หน้าร้านและเดินดูรอบ ๆ บริเวณนั้น ก็ไม่พบรถจักรยานยนต์ของตนเอง จึงเข้าไปขอดูกล้องวงจรปิดจากร้านสะดวกซื้อเพื่อตรวจสอบดู
ก็พบว่ามีสองสาวขี่รถจักรยานยนต์ออกไปผิดคันดังกล่าว
โดย นางสาวปริยากร
วาปีกัง เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุตนเองได้ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดไว้หน้าร้านสะดวกซื้อ
ก่อนจะเดินเข้าไปซื้อสินค้าในร้าน ก่อนเดินออกมาก็ไม่พบรถจักรยานยนต์ของตนเอง
คิดว่ารถหาย จึงคิดว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่อีกคัน พอเข้าไปดูทะเบียนก็พบว่าไม่ใช่รถจักรยานยนต์ของตนเอง
ก็เริ่มใจหาย จึงเข้าไปขอดูกล้องวงจรปิดจากทางร้าน
ก็พบว่ามีน้องผู้หญิงสองคนขี่ออกไป โดยเห็นว่าพยายามไขกุญแจรถแต่ไขค่อนข้างยาก
จึงเข้าไปถามคนในร้านว่าใครเป็นเจ้าของรถคันดังกล่าวไหม สรุปว่าไม่มี
จึงเข้าใจว่าน้องผู้หญิงทั้งสองคนคงจะหยิบรถไปผิดคัน
จึงขออนุญาตผู้จัดการร้านซื้อกุญแจมาล็อกล้อไว้ก่อน
ถ้าน้องที่เอารถไปนำมาคืน ให้ติดต่อมาที่ตนเองได้ทันที
ซึ่งช่วงเวลานั้นรู้สึกตกใจคิดว่ารถจักรยานยนต์หายไปได้ยังไง รู้สึกกลัวมาก
เพราะเคยรถจักรยานยนต์หายไปแล้วครั้งหนึ่ง
หลังจากนั้นในช่วงเย็นก็มีญาติน้องเค้าติดต่อนำรถมาคืน
แต่ขี่มาไม่ได้ จึงต้องเดินทางไปแลกเปลี่ยนรถที่บ้าน
ก่อนน้องจะเอ่ยปากขอโทษที่ขี่รถจักรยานยนต์ไปผิดคัน ก็รู้สึกโล่งอก และดีใจมากที่ได้รถกลับคืนมา
ซึ่งตนเองก็สงสัยว่าทำไมถึงไขกุญแจรถจักรยานยนต์ออกไปง่ายดายแบบนี้ เป็นเพราะสาเหตุอะไร
เพราะกรณีขี่รถจักรยานยนต์ออกไปผิดคันก็เห็นเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ทั้งที่กุญแจรถจักรยานยนต์เราเองยังไขสตาร์ทยากเลย
ด้าน นางสาวสุชาดา
ยอดจันทร์ ผู้ที่ขี่รถจักรยานยนต์ออกไปผิดคัน ได้เปิดเผยว่า
ในวันนั้นตนเองขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไปพร้อมกับพี่สาว ไปจอดหน้าร้านสะดวกซื้อ
ก้ไม่ได้สังเกตว่ามีรถจักรยานยนต์ยี่ห้อและสีเดียวกันจอดอยู่
ก็เลยเดินไปชั่งน้ำหนักและเดินเข้าไปในร้าน
พอเดินออกมาเห็นรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวจอดอยู่ ยี่ห้อและสีเดียวกันจอดอยู่
ก็เลยคิดว่าเป็นของเราและไม่ได้ดูป้ายทะเบียนด้วย และตอนไขกุญแจมาก็ไขมาได้
และขี่มาจนถึงบ้าน พอถึงบ้านก็ทำกิจวัตรประจำวันไปก็ยังไม่รู้ว่าขี่รถจักรยานยนต์มาผิดคัน
จนกระทั่งในช่วงเย็นพี่ชายเดินมาบอกว่าไปขี่รถใครมา ของเราป้ายทะเบียนลำปาง
ไม่ใช่ชลบุรี จึงออกมาดูก็ทราบว่าเราขี่รถมาผิดคันได้ไง
ก็เลยให้พี่ชายขี่รถจักรยานยนต์ไปคืนเจ้าของ
ซึ่งขากลับไปกลับไขกุญแจรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวมาไม่ได้
ตอนนั้นรู้สึกใจหายมากเลย กลัวว่าเจ้าของรถจะแจ้งตำรวจจับหรือเปล่า
ซึ่งก็สงสัยว่าทำไมถึงไขกุญแจรถจักรยานยนต์คันอื่นขี่มาได้
ทีแรกก็เอะใจว่าสินค้าที่ซื้อไว้หน้ารถหายไปไหน ก้ไม่นึกอะไร
จนขี่มาถึงที่บ้านดังกล่าว พอรู้ว่าเป็นรถของคนอื่นจึงรีบเอาไปคืนดังกล่าว
ความคิดเห็น
/