saostar

Banner โฆษณา

ชาวบ้านอ่าวอุดม ค้าน "บุญเครือ" สร้างท่าเทียบเรือท่องเที่ยว กระทบประมง

ชุมชนอ่าวอุดม และประมงชายฝั่ง ทำหนังสือถึงอำเภอศรีราชา ขอให้ทบทวนการอนุมัติ อนุญาตให้โครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือเอนกประสงค์ท่าเรือท่องเที่ยวและท่าเรือโดยสารของ บริษัท บี. เค.วัน ศรีราชา จำกัด หลังสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 6 อนุญาต ให้สร้าง หวั่นส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การทำประมงและชุมชน

วันนี้ (25 มี.ค.)นายสุรเชษฐ์  แก้วคำ ปลัดอาวุโสอำเภอศรีราชา เป็นประธานการประชุมหารือ เรื่องโครงการการก่อสร้างท่าเทียบเรือ เอนกประสงค์ท่าเรือท่องเที่ยว และท่าเรือโดยสารของ บริษัท บี. เค.วัน ศรีราชา จากได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างโครงการจากกรมเจ้าท่า โดยมีกลุ่มชุมชนบ้านอ่าวอุดม และประมงชายฝั่งศรีราชา ไม่เห็นด้วยและได้ทำหนังสือร้องเรียนมาที่อำเภอศรีราชา เพื่อของให้ทบทวนโครงการก่อสร้างดังกล่าว เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยในวันนี้ทางอำเภอศรีราชา เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมตัวแทนชาวบ้านและ บริษัท บี.เค.วัน ศรีราชา ร่วมหารือเพื่อหาทางออกในครั้งนี้ ที่ห้องประชุมขั้นสอง ที่ว่าการอำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี  

นางสุนันท์  เสียงดัง  ประธานชุมชนบ้านอ่าวอุดม เผยว่า ชาวบ้านและกลุ่มประมงไม่สบายใจหลังจากทราบว่า ขณะนี้ บริษัท บี. เค. วัน ศรีราชา จำกัด จะมีการก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำลงไปในทะเลโดยเป็นโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือเอนกประสงค์ท่าเรือท่องเที่ยวและท่าเรือโดยสารบริเวณชายฝั่งทะเลอ่าวอุดมโดยหน่วยงานอนุมัติอนุญาตคือสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 6 และ เจ้าของโครงการคือ บริษัท บี. เค. วัน ศรีราชา จำกัด ไม่ได้มีการแจ้งกับชาวบ้านในพื้นที่บ้านอ่าวอุดมซึ่งเป็นพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงจากการก่อสร้างให้ได้ทราบก่อนที่จะมีการอนุญาตให้ปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำของกรมเจ้าท่าที่อนุญาตให้ทำการก่อสร้างได้เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 63 

ซึ่งในข้อเท็จจริง ทางภาคเอกชนจะต้องมีการติดประกาศเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่บ้านอ่าวอุดม ได้รับทราบว่าจะมีโครงการพัฒนาใด ๆ เข้ามาในพื้นที่ เพื่อประชาคมรับฟังความคิดเห็นของชุมชนในพื้นที่ก่อน ที่จะมีการอนุมัติอนุญาตตามหลักการมีส่วนร่วมของประชาชนซึ่งมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้ แต่ปรากฏว่าไม่มีเอกสารประกาศหรือป้ายประชาสัมพันธ์ใด ๆ ของโครงการก่อสร้างนี้ในพื้นที่ ที่ต้องติดประกาศเป็นการละเมิดสิทธิชุมชนเป็นการละเมิดสิทธิในสิ่งแวดล้อมของชุมชนและเป็นการละเมิดต่อกฎหมายที่บัญญัติไว้ก่อนการอนุมัติอนุญาตซึ่งเป็นอำนาจและความรับผิดชอบของสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 6

ชุมชนบ้านอ่าวอุดมและกลุ่มประมงบ้านอ่าวอุดมพบว่าการอนุมัติโครงการก่อสร้างนี้ไม่เคยมีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน ไม่เคยมีการจัดเวทีรับฟังความเห็นฯ ไม่มีการพูดคุยกับชุมชนในพื้นที่ถึงเรื่องแนวทางในการพัฒนาโครงการและการให้ข้อมูลของโครงการซึ่งพื้นที่ที่จะทำการก่อสร้างท่าเทียบเรือแห่งนี้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยทรัพยากรสัตว์น้ำทางทะเล เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ลำดับต้น ๆ ของชุมชนบ้านอ่าวอุดมและชุมชนใกล้เคียง

ด้านนายอมรศักด์  ปัญญาเจริญศรี  สมาคมประมงพื้นบ้าน จ.ชลบุรี  กล่าวว่า สิ่งที่ชุมชนบ้านอ่าวอุดมโดยเฉพาะกลุ่มประมงที่อยู่ในพื้นที่กังวลมากที่สุดในเรื่องผลกระทบของโครงการนี้คือผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมและพื้นที่ทำกินในบริเวณดังกล่าวเนื่องจากโครงการนี้ขาดการมีส่วนร่วมกับชุมชนในพื้นที่ก่อนหน่วยงานอนุมัติอนุญาตจะออกใบอนุญาตให้ก่อสร้างจึงถือว่าขาดข้อมูลที่จำเป็นอย่างมากที่ต้องใช้ในการพิจารณาร่วมก่อนการอนุมัติอนุญาต 

โดยหน่วยงานรัฐละเมิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องและยังละเมิดสิทธิของบุคคลและชุมชนที่ระบุไว้ในมาตรา 43 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบัน  และถ้าปล่อยให้โครงการนี้ดำเนินการต่อไปโดยขาดการมีส่วนร่วมของชุมชนในพื้นที่หากมีความผิดพลาดเกิดขึ้นในขั้นตอนการก่อสร้างและ / หรือการดำเนินการกิจการท่าเทียบเรือจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการประกอบอาชีพของกลุ่มประมงและกลุ่มอาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับกลุ่มประมงในพื้นที่ทั้งหมดและอาจทำให้กลุ่มประมงไม่สามารถกลับมาจับสัตว์น้ำในบริเวณดังกล่าวได้อีกต่อไป

ซึ่งจะทำให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อระบบเศรษฐกิจชุมชนสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างมหาศาลในระยะยาวตามเหตุผลที่อ้างมานี้ประชาชนในชุมชนบ้านอ่าวอุดมและกลุ่มประมงบ้านอ่าวอุดม ดังรายชื่อแนบท้ายจดหมายร้องเรียนฉบับนี้ต้องการให้มีการทบทวนโครงการนี้ใหม่ก่อนเริ่มดำเนินการใด ๆ โดยเฉพาะการออกใบอนุญาตจากสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 6 ซึ่งละเมิดสิทธิชุมชนละเมิดสิทธิในสิ่งแวดล้อมของชุมชนและละเมิดต่อกฎหมายต่างๆที่เกี่ยวข้องทั้งนี้การร้องเรียนมีเจตนารมณ์ที่ชัดเจนว่าเป็นไปเพื่อการพัฒนาและการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนปราศจากความขัดแย้งระหว่างรัฐ บริษัท เจ้าของโครงการฯ 

ด้านนายบุญเครือ  เขมาภิรัตน์  เจ้าของ บริษัท บี. เค. วัน ศรีราชา กำจัด กล่าวว่า ตนเองทำทุกอย่างตามขั้นตอนทางกฎหมาย เนื่องจากตามกฎหมายแล้ว เราสามารถดำเนินการได้เนื่องจาก ด้านหลังโครงการสร้างท่าเทียบเรือเป็นที่พื้นที่ของตนเอง โดยได้ตนเองได้ซื้อโรงแรมไว้มานานแล้ว แบกภาระค่าใช้จ่ายมานานนับสิบปี เมื่อรัฐบาลให้ส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยวจึงต้องการที่จะสร้างท่าเทียบเรือขึ้นเพื่อเป็นที่จอดเรือและส่งเสริมการท่องเที่ยว มีท่าเรือไปเกาะสีชัง ซึ่งจะทำให้เกิดผลดีกับชุมชน เมื่อมีนักท่องเที่ยวคึกคัก ก็จะเป็นการสร้างรายให้กับพื้นที่ด้วย  

โดยที่ผ่านมาทางบริษัทได้ทำเรื่องขออนุญาตก่อสร้างตามกระบวนการของกฎหมายให้ถูกต้อง  เป็นท่าเรือขนาดไม่เกิน 500 ตันกรอส  ซึ่งเคยพูดคุยกับทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำให้เข้าใจว่าไม่ต้องทำประชาพิจารณ์ และตนเองยังไม่ได้สร้างท่าเทียบเรือ จึงทำให้ยังไม่ได้เข้าไปพูดคุยกับชาวบ้าน แต่ในที่ประชุมแจ้งว่าเราต้องลงพื้นที่ไปทำความเข้าและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบ  เราก็จะไปดำเนินการเพิ่มเติมให้ถูกต้อง แต่ยืนยันว่า เราไม่ผิดเพราะชายทะเลดังกล่าวอยู่ในด้านหน้าที่ดินของตนเอง

    ด้านนายสุรเชษฐ์  แก้วคำ  ปลัดอำเภอศรีราชา กล่าวหลังจากจบการประชุมว่า วันนี้ยังไม่ได้สรุปอะไร  ซึ่งจริงๆแล้ว อย่างให้ทั้งสองฝ่ายมีการพูดคุยกันอย่างสันติ ส่วนเรื่องที่บริษัทยังไม่ได้ ยื่นเรื่องของอนุญาตจากกรมประมง ก็ต้องไปดำเนินการตามขั้นตอนให้เรียบร้อยตามขั้นตอนต่อไป

นอกจากนั้นทางบริษัท ต้องลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์โครงการให้ประชาชนที่มีส่วนได้ส่วนเสียได้รับทราบ และหลังจากนี้จะมีการนัดหารือกันอีกครั้งหนึ่ง โดยคงต้องให้ทางประมงจังหวัดเป็นเจ้าภาพในการนัดประชุมครั้งต่อไป









 




ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ