คืบหน้า หนุ่มหัวร้อน ปาดหน้า เตะรถผู้ใหญ่บ้าน เข้าพบพนักงานสอบสวน ออกมายอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง ที่ทำไปเพราะอารมณ์ร้อน ยกมือไหว้ขอโทษขอไกล่เกลี่ย แต่ผู้ใหญ่บ้านไม่ยอมให้ดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อเป็นบทเรียนแก่คนหัวร้อนต่อไป
จากกรณีเมื่อคืนวันที่
12 ต.ค.2564 นายองอาจ แมลงภู่ทอง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ตำบลสุรศักดิ์ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ขับรถส่วนตัวกำลังไปเข้าเวรด่านเคอร์ฟิว
ตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19
ก่อนถูกหนุ่มหัวร้อนขับรถยนต์กระบะปาดหน้าหาเรื่องพยายามให้จอดรถโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ
ก่อนขับรถขวางถนน แล้วลงมาเตะรถผู้ใหญ่บ้าน ก่อนที่ผู้ใหญ่บ้านจะเข้าแจ้งความไว้ที่
สภ.บ่อวิน จังหวัดชลบุรีแล้ว
ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ
11.00 น.วันนี้ (18 ต.ค.) ร.ต.อ.สมพร ปานจันทร์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.บ่อวิน จ.ชลบุรี
ได้เรียกตัว นายนนธชัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี หนุ่มโรงงานหัวร้อนที่ก่อเหตุเข้ามาสอบสวน
พร้อมทั้งเรียกตัว นายองอาจ แมลงภู่ทอง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ตำบลสุรศักดิ์ อ.ศรีราชา ผู้เสียหายเข้ามาไกล่เกลี่ย
ซึ่งเมื่อทั้งสองมาพบหน้ากันก็ได้สอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนายนนธชัย
ได้เปิดเผยว่า ตนเองยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุขับรถยนต์กระบะคันดังกล่าวขวางหน้ารถและเตะรถผู้ใหญ่บ้านจริง
เนื่องจากในวันดังกล่าวตนเองกำลังขับรถไปหาแฟนสาวที่อำเภอปลวกแดง
แต่ระหว่างทางขณะที่ตนเองขับรถมาตามถนนสายอินโดจีนนั้น ได้มีรถยนต์กระบะของผู้ใหญ่บ้านขับอยู่ช่องทางขวาสุด
ตนเองจึงกระพริบไฟขอทาง
หลังจากนั้นตนเองพยายามจะแซงซ้ายเป็นจังหวะเดียวกับที่รถของผู้ใหญ่บ้านโยกมาทางซ้ายพอดีจึงคิดว่ารถยนต์คันดังกล่าวเจตนาปาดหน้าตนเอง
จึงเกิดความโมโหขับไล่ตามไปขวางเพื่อที่จะจอดรถมาคุยกัน แต่เห็นว่าคู่กรณีไม่ยอมลง
จึงตัดสินใจจอดรถขวางและลงไปเรียกให้จอด แต่รถของผู้ใหญ่บ้านไม่จอด
ด้วยอารมณ์ที่โมโหอยู่จึงเตะไปที่รถยนต์ของผู้ใหญ่บ้าน 1 ครั้ง ก่อนจะขับรถยนต์ไปหาแฟนต่อไป
ซึ่งหลังจากนั้นตนเองก็ยังไม่ทราบเรื่อง
จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อไปให้เข้ามาพบพนักงานสอบสวนในกรณีดังกล่าว
และเรียกมาไกล่เกลี่ยกับผู้เสียหาย
ด้าน นายองอาจ
แมลงภู่ทอง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ตำบลสุรศักดิ์ เปิดเผยว่า
หลังจากที่รับทราบว่าผู้ก่อเหตุเข้ามาพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ่อวินแล้ว
และทางร้อยเวรเจ้าของคดีเรียกให้นำเอกสารมามอบให้ด้วย หลังจากได้พบตัวผู้ก่อเหตุก็สอบถามถึงสาเหตุที่ก่อเหตุแบบนั้น
ทางผู้ก่อเหตุได้บอกว่าเค้าโมโห และยอมรับผิดที่ได้กระทำลงไป
ซึ่งตนเองก็ได้ว่ากล่าวตักเตือนไปว่าให้ตั้งสติให้ดี อย่าไปก่อเหตุแบบนี้อีก เพราะเป็นพฤติกรรมอันตรายมากถ้าเกิดอุบัติเหตุไปอาจทำให้ถึงชีวิตได้
ส่วนเรื่องของคดีตนเองก็จะไม่ยอมความ ให้ตำรวจดำเนินการไปตามกฎหมาย ให้เป็นคดีตัวอย่างกับพวกที่ขับรถแล้วอารมณ์ร้อนนี้ต่อไป
ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานก่อนจะแจ้งข้อกล่าวหาว่า
“ขับรถโดยไม่คํานึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น และขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน”
ส่งฟ้องศาลดำเนินคดีต่อไป
ความคิดเห็น
/