saostar

Banner โฆษณา

คืบหน้า ผู้ใหญ่บ้านเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ จุดไฟเผาบ้านตนเอง ชาวบ้านทุกข์ หาทางแก้ไข

คืบหน้ากรณี นายโหน่ง จุดไฟเผาบ้านตนเองจากอาการหลอนสารระเหย ล่าสุดผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ตำบลสุรศักดิ์ เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมสอบถามความเดือดร้อนของชาวบ้านที่อยู่ข้างเคียง พร้อมนำไปแก้ไขให้ ส่วนญาติและเพื่อนบ้านจะไปลงบันทึกประจำวัน แต่ตำรวจไม่รับแจ้งให้ญาติพาไปรักษาตัวก่อน

จากกรณี นายราชันย์ หรือโหน่ง มณีราช อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 277/11 ม.8 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชาจ.ชลบุรี ก่อเหตุจุดไฟเผาบ้านตัวเองวอดทั้งหลัง หลังหลอนสารระเหย กลัวคนมาติดกล้องวงจรปิด มาส่องพฤติกรรมของตนเอง และเข้าใจว่าเพื่อนบ้านเสกเข็มเข้าท้อง จนก่อเหตุเผาบ้านตนเอง จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องควบคุมตัวไปส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลก่อนนั้น

ล่าสุดวันนี้ ( 12 ต.ค.64 ) นายสุเมธ ขันตี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ตำบลสุรศักดิ์ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี พร้อมด้วย นางอุทัยวรรณ มุสิทธิ์มณี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ได้เข้าไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุอีกรอบ โดยพบว่าบ้านที่ถูกไฟเผานั้นมีสภาพที่ไม่สามารถจะอาศัยอยู่ได้ เคยอยู่กันแบบผู้ยากไร้ ผู้ขัดสนไม่มีรายได้อะไร มีกองขยะและของเก่าจำพวก เสื้อผ้า รองเท้า  วางกองไว้เป็นจำนวนมาก ส่วนบ้านก็ได้รับความเสียหายเกือบครึ่งหลัง ซึ่งผู้ก่อเหตุได้ถูกจับไปบำบัดรักษาอาการทางจิต ส่วนต่อจากนี้จะได้ติดต่อทางญาติให้เข้ามาทำความสะอาดให้เรียบร้อย ส่วนบุคคลที่มีพฤติกรรมแบบนี้ในพื้นที่หมู่ 8 ส่วนใหญ่จะมีประวัติการผ่านเข้าเรือนจำ ผ่านสารเสพสิ่งเสพติด ทำให้มีปัญหาทางด้านจิตประสาท ทำให้ไม่พร้อมอยู่ในสังคมได้ ซึ่งจะดำเนินการให้ทีมงานช่วยกันสอดส่องดูแล ประสานญาติ เพื่อทำบันทึกประวัติ แล้วรายงานความเคลื่อนไหว เพื่อใช้ในการระงับเหตุได้อย่างรวดเร็ว และจะต้องประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยดูแลแก้ไข รับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ชาวบ้านได้อยู่กันอย่างมีความสุขต่อไป

ทางด้านนางเชาวรี แก้วสอาด อายุ 67 ปี เพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุตนเองรู้สึกกลัวมาก รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก หลังจากถูกจับไปรักษาแล้ว ก็ยังเกิดความกลัวอยู่ กลัวว่าถ้านายโหน่งออกมาจากการรักษาแล้ว จะมาก่อเหตุจนนอนไม่หลับอีก มีคนพูดว่าจับไปไม่กี่วันก็ปล่อยตัวออกมาแล้ว ก็กลัวจะมาพาล ด่าว่า มาท้าตีท้าต่อยอีก บางครั้งก็อารมณ์ดี พูดจาเพราะ แต่บางครั้งก็หาเรื่อง ตะโกนด่า ท้าตีท้าต่อยไปทั่ว ก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำตามกฎหมาย พร้อมทั้งบ่นว่า “เวลาคนทำดีไปทำคนบ้า คนดีผิด เวลาคนบ้ามาทำคนดี กลับไม่ผิด  ไม่รู้กฎหมายข้อไหนออกมา เวลาไปแจ้งความ ตำรวจก็ไม่รับแจ้ง ไปแจ้งมา 3 ครั้งแล้วก็ไม่รับแจ้งความ โดยตำรวจยังบอกว่า โรงพักไม่ใช่โรงพยาบาลบ้า ต้องให้ญาติพาไปบำบัด เอาไปรักษา ตำรวจไม่สามารถรับแจ้งความได้ เพราะกฎหมายไทยทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ก็เลยต้องเดินทางกลับบ้านกัน

ซึ่งหลังจากนี้ทางญาติก็จะเข้ามาทำความสะอาดพื้นที่บ้านที่เกิดเหตุ เก็บขยะต่าง ๆ ออกไปทิ้ง และในอนาคตอาจจะประกาศขายที่ดินตรงนี้ไป ซึ่งยังเป็นที่ดินมรดกที่มีผู้มีสิทธิในที่ดินอยู่หลายคน จะต้องไปปรึกษาหารือกันก่อนว่าจะทำอย่างไรดี ซึ่งตามปกติพี่น้องของนายโหน่งมีอยู่ทั้งหมด 4 คน ตนนี้แยกย้ายกันไปอาศัยอยู่ที่อื่นกันหมด มีนายโหน่งมาอาศัยอยู่ที่บ้านแห่งนี้คนเดียว ส่วนนายโหน่งผู้ก่อเหตุ ทางญาติได้เซ็นยินยอมให้ทางโรงพยาบาลทำการรักษาเกี่ยวกับอาการทางจิตแล้ว

 








 

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ