วันนี้ ( 25 มี.ค. ) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากลูกบ้านหมู่บ้านชื่อดังแห่งหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 8 หลังวัดบึงราชาวาส ตำบลบึง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ได้รับความเดือดร้อนจากโรงเผาถ่านที่อยู่ด้านหลังโครงการหมู่บ้านประมาณ 800 เมตร ที่ประกอบกิจการเผาถ่านจนเกิดควันและกลิ่นลอยเข้าหมู่บ้านทั้งวันทั้งคืน ทำให้ลูกบ้านที่อยู่ในโครงการหายใจไม่สะดวก แม้จะปิดบ้านเปิดแอร์ก็จะมีกลิ่นการเผาไหม้โชยเข้าไปในบ้าน ทำให้คนที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ หรือคนชรา เกิดการเจ็บป่วย อยู่กันอย่างไม่เป็นปกติสุข โดยลูกบ้านได้ไปร้องยังศูนย์ดำรงธรรมอำเภอศรีราชา เทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาตรวจสอบแล้ว โดยเทศบาลฯได้ตักเตือนให้หาวัสดุมาปิดคลุมเตาเผาทุกด้าน เพื่อป้องกันฝุ่นควันไปสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านทันที และให้ทางโรงเผาถ่านลดปริมาณการผลิตจากในโรงงานที่มี 21 เตา ให้เผาถ่านได้วันละประมาณ 3 เตาแล้วและความสูงของเตาไม่เกิน 1.5 เมตร ภายในระยะเวลา 30 วัน นับตั้งแต่ได้รับหนังสือจากทางเทศบาลฯ และเจ้าของกิจการได้ทำการเซ็นชื่อรับทราบข้อปฏิบัติแล้ว แต่ล่าสุดยังพบว่ามีการเผาถ่านต่อโดยไม่เป็นไปตามที่ตกลงกับทางเทศบาลฯไว้ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ
ซึ่งทางด้านเจ้าของกิจการได้ยอมรับว่าการเผาถ่านทำให้คนรอบข้างได้รับความเดือดร้อนจากกลิ่นและควันจริง ก็ได้พยายามแก้โดยการเตรียมหาที่ประกอบกิจการแห่งใหม่แล้ว เพียงขอเวลาอีก 2 เดือนไม่เกินเดือนพฤษภาคมจะย้ายโรงเผาถ่านไปอยู่ในเขตพื้นที่อื่นต่อไปแล้ว ด้านชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกดังกล่าวเผยว่าได้กลิ่นบ้างเป็นบางเวลา แล้วแต่กระแสลมจะพัดไปทางทิศทางไหน แต่ก็ไม่ทำให้เดือดร้อนมากมายนัก แต่เห็นใจโรงเผาถ่านที่ทำธุรกิจนี้มาเกือบ 20 ปี ชาวบ้านแถวนี้ไม่เคยร้องเรียน จนกระทั่งโครงการหมู่บ้านแห่งนี้มาซื้อที่ปลูกสร้างได้ไม่ถึง 2 ปี คนที่มาซื้อบ้านในโครงการก็มาร้องเรียนโรงเผาถ่านแล้ว ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมย้ายสถานที่ไปอยู่ที่อื่นแล้ว เนื่องจากเจ้าของที่ดินที่เช่าอยู่ได้ทำการขายที่ไปแล้ว จึงต้องย้ายไปประกอบกิจการที่อื่นอย่างแน่นอน ภายในเดือนพฤษภาคม 65 นี้จะไม่มีการเผาถ่านอีกเด็ดขาด
โดยนางสุวรรณี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี
เปิดเผยว่าตนเองได้รับความเดือดร้อนจากควันและกลิ่นจากโรงเผาถ่าน
โดยจะมีควันและกลิ่นโชยมาเต็มหมู่บ้านทำให้มีอาการแสบตา แสบจมูก ในช่วงเวลา 18.00-22.00
น.ออกจากบ้านไม่ได้เลย เด็ก ๆ
ก้จะมีอาการไอเป็นไข้กันหมด เกิดจากโรงเผาถ่านที่อยู่ด้านหลัง
จะเกิดหนักมากในช่วงเย็น กลิ่น ควัน เขม่า จะมาโชยมาแทบทุกวัน
ตนเองจึงอยากให้โรงเผาถ่านหยุดกิจการหรือย้ายไปที่ใหม่ที่ไม่ใกล้ชุมชนมากนัก
ซึ่งเราก็เห็นใจโรงงานเผาถ่านเพราะเป็นอาชีพของเขา
ซึ่งหมู่บ้านเราจะได้รับผลกระทบมาก ทราบมาว่าอีก 2 เดือนจะย้ายออกไปก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้ที่บ้านลูกเป็นภูมิแพ้
จนต้องไปนอนบ้านญาติ
มีลูกค้ามาซื้อของซื้ออาหารไปกินนอกบ้านก็กินไม่ได้ต้องไปกินในบ้าน
เพราะนั่งข้างนอกจะแสบตาแสบจมูกเป็นอย่างมาก
ด้านนายชาญวิทย์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี เปิดเผยว่า ตนเองจะได้กลิ่นควันตั้งแต่ช่วงเช้าไปจนถึงช่วงเย็นที่เริ่มจะหนักขึ้น บางครั้งจะมีเป็นควันเป็นลอยมาเลย กลิ่นจะได้ชัดมาก เมื่อได้กลิ่นก็จะมีอาการแสบจมูกหายใจไม่ค่อยออก เลานอนก็นอนไม่หลับ เวลาอยู่ในบ้านก็จะได้กลิ่นประมาณหนึ่ง พอเปิดแอร์ก็จะชัดเจนขึ้น เมื่อตากผ้าก็จะมีกลิ่นติดเสื้อ ซึ่งเป็นเช่นนี้มานานหลายเดือน จึงได้แจ้งไปยังโครงการและติดต่อไปยังโรงเผาถ่านก็ทราบว่าเค้าจะหยุดหรือย้ายออกไปยังที่อื่น ซึ่งฝากขอความร่วมมือให้เผาถ่านให้น้อยลง ให้สร้างมลพิษให้น้อยลง หรือหาวิธีทำให้กลิ่นและควันน้อยลงไป ทางเราเข้าใจว่ามันเป็นอาชีพของเขาแล้วเขามาอยู่ก่อน แต่เมื่อมีโครงการเข้ามาอยู่ทำให้ได้รับความเดือดร้อนการแก้ไขก็คือน่าจะทำเตาเผาแบบปิด ไม่ใช่เตาเผาแบบเปิดโล่ง ส่งกลิ่นรบกวนตลอด 24 ชั่วโมงแบบนี้ เราก็อยู่ด้วยกันได้แต่หลังจากเทศบาลให้คำแนะนำให้เขาเหลือเผาไม่เกิน 3 เตาทางเจ้าของโรงเผาถ่านเซ็นแต่ไม่ทำตามก็ต้องช่วยกันทั้งสองฝ่ายอันนี้ถึงจะถูกไหมคะ การที่เค้าบอกจะแก้ไขและเลิกเผาภายในสิ้นเดือนพฤษภาคม 65 ย้ายที่ออกไปอันนี้ก็เป็นการแก้ไขที่ดีมากเพราะเขาไม่ทำตามคำแนะนำของเทศบาลเอง แต่ขอให้รอบนี้พูดจริงและทำจริงด้วยจะเป็นการดีมาก
ด้านนางสาวณัฐณิชา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี เปิดเผยว่า ตนเองได้รับความเดือดร้อนจากกลิ่นและควันจนไม่สามารถออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านได้เลย ตื่นมาก็เจ็บจมูก เจ็บคอ หายใจไม่ออก ซึ่งตนเองย้ายอาอยู่เพียง 2 เดือน ก็ไม่รู้ว่าคนอื่นเค้าทนกันได้อย่างไร โดยกลิ่นควันถ่านจะโชยมามาตลอดทั้งวัน ยิ่งตอนกลางคืนยิ่งหนักขึ้น จึงอยากให้หยุดเผาเลิกกิจการไปเลยก็ได้ ตอนนี้ใช้ชีวิตลำบากมาก ตื่นมารู้สึกไม่สดชื่น อากาศเป็นสิ่งสำคัญนะ
หลังจากนั้นลูกบ้านในโครงการได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยเข้าไปไกล่เกลี่ยและตรวจสอบโรงงานดังกล่าวด้วย
เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนจากกลิ่นและควันเป็นอย่างมาก
จึงเดินทางไปตรวจสอบยังโรงเผาถ่านดังกล่าว พบว่าคนงานยังปฏิบัติหน้าที่กันตามปกติ
จึงเข้าไปแจ้งให้หยุดการเผาถ่านก่อน เพื่อจะได้แก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับคนในโครงการก่อน
แต่เนื่องจากได้มีการเผาไปแล้วจะต้องปล่อยไว้ประมาณ 7 วันถึงจะนำถ่านออกมาได้ โดยพบว่าภายในโรงงานมีเตาเผาประมาณ 21 เตา แบ่งเจ้าของเป็นหลายคน
ทุกเตามีการเตรียมดำเนินการเผาไม้ให้กลายเป็นถ่านอยู่หลายเตา
ซึ่งด้านในโรงงานจะมีกลิ่นไม้ไหม้ ส่งกลิ่นออกมาอยู่ตลอดเวลา
โดยมีแรงงานที่อาศัยอยู่ในโรงงานรวมประมาณ 30 คน
ด้าน
นางประไพ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 57 ปี เจ้าของโรงเผาถ่าน เปิดเผยว่า
หลังจากตนเองได้รับเรื่องราวของความเดือดร้อนของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในโครงการแล้ว
ตนเองก็ยอมรับว่าโรงเผาถ่านของตนเอง สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น
ซึ่งตนเองได้รับการแจ้งเตือนจากเทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์แล้ว
และตนเองก็พยายามจะย้ายกิจการไปที่อื่นแล้วภายในเดือนพฤษภาคมนี้
ก็จะไม่มีการเผาถ่านอีกต่อไป ซึ่งจะให้ตนเองย้ายปุ๊บปั๊บเราทำไม่ได้
ส่วนการเผาถ่านเราก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป เนื่องจากเราได้เหมาไม้มาจากโรงงานแล้ว
ก็ต้องเอารายได้ตรงนี้ไปสร้างที่ใหม่ด้วย
ซึ่งได้คุยกับเทศบาลฯเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งแม้สัญญาเราก็ยังไม่หมด
แต่เราก็ยินยอม ในช่วงเวลา 2 เดือนนี้เราก็พยายามให้เราและชาวบ้านอยู่ร่วมกันให้ได้
ซึ่งในโรเผาถ่านนี้มีผู้อาศัยอยู่ประมาณกว่า 30 คน
ซึ่งในตอนนี้ช่วงเรากำลังจะย้าย
เราก็ไม่ได้ดื้อดึง เราไม่ได้ต่อสู้
เราก็ยอมรับความจริงว่าความเจริญวิ่งเข้ามาหาเรา เราก็ต้องไปหาที่ใหม่ทดแทน
ตอนที่เรามาอยู่ใหม่ ๆ พื้นที่นี้ยังเป็นป่า มีบ้านเรือนอาศัยอยู่ไม่กี่หลัง
ตอนนี้ผ่านมา 19 ปีแล้ว
ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ก็เข้าใจว่าเราทำมาหากิน ชาวบ้านก็ไม่เคยมาร้องเรียนอะไร
จนโครงการหมู่บ้านนี้เข้ามาอยู่ได้ไม่ถึงปี
ด้านชาวบ้านที่อยู่ในละแวกดังกล่าว
(ไม่เปิดเผยชื่อและหน้าตา) เผยว่า โรงงานเผาถ่านอยู่ในพื้นที่มานานเป็น 20 ปีแล้ว เพิ่งมาโดนโครงการหมู่บ้านที่สร้างมาได้ไม่ถึง 2 ปีร้องเรียนให้ย้ายออกไป
ซึ่งก็น่าเห็นใจว่าที่ทางที่จะไปสร้างโรงเผาถ่านใหม่ค่อนข้างหายาก
อยากถามทำไมคุณมาซื้อบ้านแถวนี้ไม่ได้สำรวจก่อนว่าแถวนี้มีอะไรบ้าง
มีโรงเผาถ่านสร้างความเดือดร้อนไหม พอมาซื้อแล้วก็ร้องว่ามีกลิ่นเหม็น ทำไมไม่ไปซื้อที่อื่น
ไปร้องเอาสาธารณสุขมา ไปร้องเอาตำรวจมา
โรงงานเผาถ่านมี 30-40 ชีวิตอาศัยอยู่
ทำมาหากินกันมานาน อยู่ ๆ มาให้เค้าย้ายออกไป เตาเผา 1 เตาลงทุนไปสามหมื่น-สี่หมื่นบาท
กว่าจะไปหาที่อื่นเริ่มต้นใหม่ กว่าจะทำที่พัก รื้อของเก่าไปสร้างใหม่
มันเห็นแก่ตัวกันมากไป
ซึ่งปกติเราเองก็ได้กลิ่น
แต่กลิ่นมันมาเป็นบางช่วง ถ้าลมมาทางนี้เราก็จะได้กลิ่น
ซึ่งถ้าลมไม่พัดมาเราก็ไม่ได้กลิ่น อยู่ที่กระแสลม ซึ่งมีแต่กลิ่น ส่วนควันจะไม่มี
ซึ่งเตาแบบนี้จะมีควันเล็กน้อย ซึ่งนาน ๆ จะได้กลิ่นสักที
ซึ่งก็น่าเห็นใจโรงงานเตาถ่านอยู่เหมือนกัน
ซึ่งข้อสรุปตกลงว่าทางโรงงานเผาถ่านได้ขอเวลาไม่เกินเดือนพฤษภาคมจะทำการย้ายและยุติกิจการในที่แห่งนี้
ก่อนจะย้ายไปทำยังสถานที่ใหม่ในจังหวัดระยอง
ซึ่งในช่วงเวลาสองเดือนนี้จะพยายามทำให้เกิดความเดือดร้อนกับชาวบ้านในโครงการให้น้อยที่สุด
ส่วนการหยุดเผานั้นคงทำไม่ได้เนื่องจากไปเหมาไม้จากโรงงานมาแล้ว
จะต้องทำการเผาต่อไป แต่จะหามาตรการให้เกิดปัญหาเรื่องกลิ่นและควันให้น้อยที่สุด
ซึ่งข้อสรุปทางด้านลูกบ้านโครงการเผยว่า ทางลูกบ้านโครงการก็เห็นใจ ทางโรงเผาถ่าน แต่ถ้าโรงเผาถ่านปฏิบัติตามคำสั่งของทางเทศบาลฯ ตั้งแต่วันที่เซ็นเอกสารตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 64 ก็จะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างปกติต่อไป
ความคิดเห็น
/