saostar

Banner โฆษณา

เตือนภัย แบงค์ปลอมอาละวาด 2 ร้านค้าแหลมฉบังโดนดี เหิมเกริมนำมาซื้อซ้ำอีก

 เตือนภัย แม่ค้าร้านขายของชำแหลมฉบังโดนดี 2 ร้านรวด คนร้ายนำแบงค์ปลอมที่ใช้ในการแสดงมาซื้อของ รอบแรกแม่ค้าไม่ทันสังเกต ทอนเงินให้ไป รอบสองนำแบงค์ปลอมมาซื้ออีก คราวนี้เจ้าของร้านรู้ตัว บอกแบงค์ปลอม ทำเป็นไม่รู้เรื่อง ก่อนหนีหายไป

                วันนี้ ( 19 ก.ค.65) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากแม่ค้าร้านขายของชำในพื้นที่หมู่ 3 บ้านแหลมฉบังเก่า ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ว่าถูกมิจฉาชีพนำธนบัตรปลอมมาซื้อของภายในร้าน โดยพบว่าก่อเหตุไปแล้วสองร้าน โดยใช้ธนบัตรปลอมใบละ 500และ 1,000 บาท มาทำการซื้อของ และเจ้าของร้านไม่ทันได้สังเกต จึงตกเป็นเหยื่อแล้วถึง 2 ร้านด้วยกัน

                โดยร้านแรกเป็นร้านขายของชำของ นางสาว สัมฤทธิ์ สินชัย อายุ 54 ปี เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (18 ก.ค.) เวลาประมาณ 17.30 น.ได้มีลูกค้าเป็นผู้ชายเดินเข้ามาซื้อของในร้าน โดยเลือกซื้อสุรา 40 ดีกรีพร้อมกับขนม คิดเงินแล้วราคา 120 บาท หลังจากนั้นลูกค้าคนดังกล่าวได้ยื่นธนบัตรใบละ 500 บาทมาให้ โดยพับครึ่งยื่นส่งมาให้ ซึ่งตนเองก็ไม่ทันได้สังเกต จึงทอนเงินไปเป็นเงิน 380 บาท หลังจากนั้นก็ได้ตรวจสอบดู และพบว่าเป็นธนบัตรปลอม จึงได้เก็บธนบัตรใบดังกล่าวไว้ จนกระทั่งประมาณ 20.00 น.ของวันเดียวกัน ก็มีผู้หญิงเดินมาซื้อของที่ร้านอีก และยื่นธนบัตรใบละ 500 บาทมาให้  ตนเองจึงตรวจสอบโดยการส่องไฟเพื่อดูลายน้ำ พบว่าไม่มีรูปในหลวงอยู่ในบัตร และสังเกตดูพบว่ามีตัวหนังสือพิมพ์ไว้บริเวณมุมธนบัตรด้านล่างขวาว่า “ใช้ในการถ่ายภาพยนต์เท่านั้น” จึงยื่นคืนให้กับผู้หญิงคนดังกล่าว และแจ้งว่าเป็นธนบัตรปลอม ใช้ไม่ได้ หญิงคนดังกล่าวจึงทำท่าตกใจและรับกลับไปส่องดู ตนเองจึงแจ้งว่าจะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่หญิงคนดังกล่าวบอกกลับมาว่า มีคนให้เงิน ใช้ให้มาซื้อของ โดยที่หญิงคนดังกล่าวไม่รู้ว่าเป็นธนบัตรปลอม แต่เจ้าของร้านทราบว่าผู้หญิงคนดังกล่าวเป็นภรรยาของชายคนที่นำธนบัตรปลอมมาซื้อของที่ร้านในช่วงเย็นแล้ว จึงบอกไปว่าจะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้หญิงคนดังกล่าวขอร้องว่าอย่าแจ้งตำรวจ แต่จะยอมชดใช้เงินค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ตอนเงินเดือนออก ซึ่งเห็นว่าเป็นคนที่พักอาศัยอยู่ในละแวกร้าน จึงจะรอดูว่าจะนำเงินมาคืนหรือไม่

                ส่วนอีกร้านหนึ่ง เป็นร้านของ นางสาวสุธาทิพย์ คณะปรีชา อายุ 39 ปี เปิดเผยว่า หลังจากที่ปิดร้านไปต่างจังหวัดมา 2 วัน พอเปิดร้านวันที่ 15 ก.ค. ในช่วงเย็น ก็จะมีลูกค้ามาเข้าร้านมากหน่อย ตนเองก็รับแบงค์ 1,000 บาทมาโดยที่ไม่ได้สังเกตว่าเป็นแบงค์ปลอมหรือแบงค์จริง จึงหยิบธนบัตรใส่ลิ้นชักและทอนเงินให้กับลูกค้าไป หลังจากปิดร้านมาคิดยอดก็พบว่ามีแบงค์ 1,000 บาท ปลอมอยู่ 1 ใน โดยที่ไม่รู้ว่าลูกค้าคนใดเป็นผู้ให้มา จึงได้เก็บไว้โดยที่ยังไม่บอกใคร บอกเพียงคนในครอบครัวให้ทราบเท่านั้น  เพื่อเฝ้าดูคิดว่าคนร้ายคงจะย่ามใจและมาก่อเหตุอีก จนกระทั่งวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ช่วงเวลาเย็นตนเองไปรับลูกที่โรงเรียน จึงให้แม่ตนเองขายของแทน หลังจากนั้นได้มีคนร้ายรายเดิมเดินเข้ามาเติมน้ำมันขวด โดยเติมน้ำมันไปแล้ว แล้วยื่นแบงค์พันบาทมาให้แม่ของตนเอง แม่จึงตรวจสอบพบว่าเป็นแบงค์ 1,000 บาทปลอม จึงแจ้งลูกค้าว่าไม่ขอรับธนบัตรใบนี้เนื่องจากเป็นแบงค์ปลอม ทำให้ลูกค้ารายนั้นทำท่าตกใจ และบอกว่าเพิ่งรับเงินค่าข้างมา แล้วจะนำเงินมาจ่ายค่าน้ำมันให้ แต่หลังจากนั้นก็หายไปไม่ยอมนำเงินมาจ่ายให้กับทางร้าน

                จากการตรวจสอบพบว่าบุคคลดังกล่าวเป็นบุคคลในชุมชนนี้ ซึ่งที่ยังไม่ได้แจ้งความเพราะว่า วันนี้น้องชายผู้ก่อเหตุเดินทางมาที่ร้าน ตนเองจึงเล่าพฤติกรรมของพี่ชายให้ฟัง ซึ่งตัวน้องเองก็ไม่ทราบว่าพี่ชายจะมีพฤติกรรมแบบนี้ จึงขอร้องว่าอย่าเพิ่งไปแจ้งความ ตนเองจะรับผิดชอบเงินที่สูญเสียไปให้ทั้งหมด หลังจากเงินเดือนออกแล้วจะรีบนำเงินมาชดใช้ให้แทน จึงยังไม่ได้แจ้งความดังกล่าว

                ซึ่งตนเองทั้งที่โมโห แต่ไม่อยากให้บุคคลนี้ไปก่อเหตุกับร้านอื่นอีก ซึ่งเป็นคนกันเอง ไม่น่าจะทำกัน และไม่ควรไปทำกับใครเลย เนื่องจากแม่ค้าขายของนี้ขายของได้กำไรบาทสองบาทแล้วคุณมาก่อเหตุเป็นพันบาท ซึ่งขายของวันหนึ่ง ๆ ยังได้กำไรไม่ถึง 1,000 บาทเลย ก็อยากจะฝากพ่อค้าแม่ค้าร้านอื่น ๆ เวลารับเงินมาก็ให้ตรวจสอบให้ละเอียดหน่อย แต่บางครั้งพ่อค้าแม่ค้าก็อาจดูแลตรวจสอบไม่ทั่วถึงก็เป็นไปได้







 

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ