เกิดเหตุรถเครนยกแผ่นปูนก่อสร้างสะพานท่าเทียบเรือน้ำหนัก 17 ตัน แล้วเกิดแรงเหวี่ยงดึงรถเครนพลิกคว่ำล้มทับคนขับรถเครนติดอยู่ภายในห้องควบคุมเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ต้องนำเครน 3 คัน ยกรถเครนน้ำหนัก 70 ตันขึ้นสูง ก่อนให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้านำร่างผู้เสียชีวิตออกมาจากตัวรถได้สำเร็จ
เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น.วันนี้ (9 สิงหาคม 2556) ศูนย์วิทยุกู้ภัยสว่างประทีปศรีราชา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งเหตุรถเครนล้มทับคนขับมีผู้ได้รับบาดเจ็บติดอยู่ในตัวรถเครน
1 ราย เหตุเกิดที่บริเวณจุดก่อสร้างท่าเทียบเรือแห่งหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 1 ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
จึงประสานรถพยาบาลกู้ชีพโรงพยาบาลแหลมฉบัง และ ร.ต.อ.บุญหลาย อินเอี่ยม
ร้อยเวรสอบสวน สภ.แหลมฉบัง และเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างประทีปศรีราชา เข้าร่วมตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุบริเวณปลายสะพานจุดก่อสร้างสะพานท่าเทียบเรือ
พบรถเครนน้ำหนักประมาณ 70 ตัน พลิกคว่ำล้อชี้ฟ้าอยู่
1 คัน โดยบริเวณห้องควบคุมถูกทับจนบี้แบน
มีน้ำมันไหลออกมาจากตัวรถด้วย เจ้าหน้าที่ต้องเตรียมถังดับเพลิงไว้หากเกิดไฟลุกไหม้ขึ้น
โดยพบผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นคนขับรถเครนติดอยู่ภายในห้องควบคุมรถ เจ้าหน้าที่กู้ภัยและคนงานก่อสร้างจึงช่วยนำรถเครนอีก
2 คัน และเรือยกเครนน้ำหนัก 300 ตันเข้าช่วยยกตัวรถเครนให้สูงขึ้น เพื่อที่จะให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำอุปกรณ์ตัดถ่างเข้าช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บออกมาจากรถให้ได้เสียก่อน
โดยพบว่าผู้ได้รับบาดเจ็บมีอาการหมดสติ ปลุกไม่ตื่น ไม่มีเสียงตอบรับ
ถูกตัวห้องควบคุมกดทับร่างอยู่ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจึงสามารถนำผู้ได้รับบาดเจ็บออกมาจากตัวรถให้พยาบาลกู้ชีพเข้าช่วยเหลือ
ก่อนตรวจสอบพบว่าผู้ได้รับบาดเจ็บเสียชีวิตลงแล้วในที่เกิดเหตุ ทราบชื่อคือ นายสลิด
ปานทอง อายุประมาณ 49 ปี ที่อยู่ตามบัตรประชาชนอยู่ที่หมู่ 13
ต.กันทรอม อ.ขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ
จากการสอบสวนเพื่อนคนงานที่อยู่ในที่เกิดเหตุทราบว่า
ขณะที่รถเครนคันดังกล่าวกำลังยกแผ่นปูนที่มีน้ำหนักประมาณ 17 ตัน เพื่อที่ใช้สำหรับวางเป็นพื้นสะพานท่าเทียบเรืออยู่นั้น
ระหว่างที่ยกพื้นลงแล้วหมุนเพื่อนำมาวางที่พื้นสะพานเกิดแรงเหวี่ยงทำให้ตัวรถเครนโยกแล้วเหวี่ยงทำให้รถเครนเสียหลักพลิกคว่ำล้อชี้ฟ้า
ตัวแผ่นปูนร่วงตกสู่ทะเล ส่วนคนขับพยายามกระโดดออกมาจากตัวรถ
แต่แรงเหวี่ยงทำให้ประตูรถปิด คนขับจึงติดอยู่ในห้องควบคุมภายในรถ ก่อนรถพลิกคว่ำ
ห้องควบคุมถูกน้ำหนักรถทับจนบี้แบนกดทับคนขับรถจนเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็วมาก
ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุ
พร้อมบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะสอบสวนผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เบื้องต้น
ก่อนมอบหมายให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิตส่งไปชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงอีกครั้งหนึ่ง
ความคิดเห็น
/