เพาเวอร์บาย เอาใจชาวชลบุรี พลิกโฉมใหม่โมเดล “สแตนอโลน” ฉลองไตรมาส 4 ชูจุดเด่นศูนย์รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุด ราคาโดนใจ สะดวก ครบ จบ ในที่เดียว
เพาเวอร์บาย ในเครือ เซ็นทรัล รีเทล ชูโมเดล “สแตนอโลน” ฉลองไตรมาส 4 ด้วยการพลิกโฉมครั้งใหญ่ 3 สาขาสแตนอโลนในภาคตะวันออก นำโดย สาขาชลบุรี พัทยา จันทบุรี เพื่อยกระดับเป็นสุดยอดอิเล็กทรอนิกส์เดสติเนชั่นที่ใหญ่ที่สุดครบที่สุดในภาคตะวันออก และอีก 1 สาขา ที่ลพบุรี รวม 4 สาขา เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าในชุมชนของแต่ละจังหวัด ภายใต้คอนเซ็ปต์ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าใกล้บ้านที่พร้อมเสิร์ฟเทคโนโลยีทันสมัยสู่คนไทยทุกคนในชุมชน ดึงจุดเด่นความกว้างขวางของร้าน และจำหน่ายสินค้า Multi-Brands คุณภาพเยี่ยมที่มีหลากหลายครบทุกประเภทสินค้า กว่า 15,000 รายการ มีสินค้าให้เลือกในเร้นท์ที่กว้างขึ้น ตั้งแต่ราคาที่ใครๆ ก็ซื้อได้ไปจนถึงสินค้านวัตกรรมระดับพรีเมียม พร้อมคุ้มค่ากับสินค้าราคาซูเปอร์ดีล และช้อปสบายๆ ด้วยบริการเงินผ่อน 0% สะดวกสบายด้วยที่จอดรถกว้างขวางเดินทางง่าย เพาเวอร์บาย มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าครอบคลุมทุกกลุ่ม ทุกเจน ทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมตั้งเป้ายอดขายโตอีก 20% ในภูมิภาคตะวันออก
นายวรวุฒิ พงศ์ชินภัค กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพาเวอร์บาย จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า “เพาเวอร์บาย ตอกย้ำความเป็นผู้นำศูนย์รวมสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของไทย ในไตรมาส 4 นี้ได้เดินหน้าครองตลาดในภาคตะวันออกด้วยการปรับโฉมใหม่โมเดลสแตนอโลน 3 สาขา ในภาคตะวันออก ได้แก่ ชลบุรี พัทยา และจันทบุรี และอีก 1 สาขา ที่จังหวัดลพบุรี รวมทั้งหมด 4 สาขา สำหรับโลเคชันของโมเดลนี้จะตั้งอยู่ใกล้แหล่งชุมชน เพราะเราเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าในชุมชนเป็นหลัก อีกทั้งบริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของลูกค้ามาโดยตลอด ได้ทำการศึกษาข้อมูลความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าเพื่อนำมาปรับให้เหมาะกับการนำเสนอสินค้า รวมทั้งบริการที่จะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่ ผู้บริโภคยุคใหม่นิยมช้อปสินค้าใกล้บ้าน เดินทางง่าย ที่จอดรถสะดวก สำหรับโมเดล สแตอโลน ถือเป็นการยกระดับร้านเพาเวอร์บายให้เป็นสุดยอดอิเล็กทรอนิกส์เดสติเนชั่นที่ใหญ่ที่สุดของภาคตะวันออก พร้อมเสิร์ฟเทคโนโลยีสู่คนไทยทุกคนในชุมชนถึงหน้าบ้าน เพื่อให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้ง่ายขึ้น นำเสนอเร้นท์สินค้าที่หลากหลายเป็น Multi-Brands ครบทุกกลุ่มประเภทสินค้า ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า แกดเจ็ต ไอที และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ กว่า 15,000 รายการ มีสินค้าให้เลือกในเร้นท์ที่กว้างขึ้น ตั้งแต่ราคาที่ใครๆ ก็ซื้อได้ไปจนถึงสินค้านวัตกรรมระดับพรีเมียม เป็นการเพิ่มทางเลือกในการช้อปชิ้งให้ครอบคลุมผู้บริโภคทุกกลุ่ม ทุกเจเนอเรชัน นอกจากนี้ยังอำนวยความสะดวกในการเดินทาง ด้วยโลเคชั่นอยู่บนถนนเส้นหลักของแต่ละพื้นที่ มีที่จอดรถกว้างขวาง ซึ่งรับรองได้ว่าลูกค้าทุกคนจะต้องประทับใจเมื่อมาช้อปที่เพาเวอร์บาย เพราะสะดวก จบ ครบ ในที่เดียว มีทุกสิ่งที่ทุกคนต้องการ”
เพาเวอร์บาย เล็งเห็นถึงศักยภาพและการเติบโตทางธุรกิจในภาคตะวันออก ดีมานท์การซื้อสูง จึงได้ขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคนี้ ปัจจุบันมีสาขาในภาคตะวันออกทั้งหมด 20 สาขา เป็นรูปแบบสแตนอโลน 3 สาขา สำหรับ ชลบุรี ถือเป็นจังหวัดที่บริษัทฯ ทำลงทุนเปิดสาขามากเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ มีมากถึง 11 สาขา เนื่องจากเป็นจังหวัดเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของภาคตะวันออก มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมขนส่งที่ครบวงจร ทั้ง รถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน รถไฟทางคู่เชื่อม 3 ท่าเรือ และมอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ – พัทยา – ระยอง ถือเป็นหนึ่งในศูนย์กลางโลจิสติกส์ของไทย อีกทั้งยังมีประชากรจำนวนมาก การเติบโตด้านการท่องเที่ยว การขยายตัวของเมืองอุตสาหกรรม
เพาเวอร์บาย สแตนอโลน มีความโดดเด่นด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่ริมถนนใหญ่ ภายในกว้างขวาง แบ่งออกเป็น 9 โซนตามประเภทของสินค้า ได้แก่ โซนสมาร์ททีวีและเครื่องเสียง, โซนสินค้าไอทีและแกดเจ็ต, โซนมือถือ และคอมพิวเตอร์, โซนเกมส์, โซนเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน, โซนเครื่องปรับอากาศ, โซนอุปกรณ์สำนักงานและเครื่องเขียน, โซนอุปกรณ์เครื่องครัว และโซน Clearance พบสินค้าลดล้างสต๊อกราคาต่ำกว่าทุน นอกจากนี้ยังเพิ่มความคุ้มค่าให้กับลูกค้าด้วยสินค้าราคาซูเปอร์ดีล ซึ่งจะมีสินค้าใหม่ๆ มาให้เลือกช้อปในแต่ละเดือน สามารถเลือกชม และทดลองใช้สินค้าได้โดยมีพนักงานผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำ มีบริการส่งฟรี ส่งเร็วภายใน 5 ชั่วโมง และบริการเงินผ่อน 0% สูงสุด 6 เดือน ไม่เพียงเท่านี้ยังเสริมความแข็งแกร่งด้วยบริการ omni-channel ทั้งบริการ Chat & Shop ผ่านไลน์ @powerbuy หรือช่องทางออนไลน์ www.powerbuy.co.th มีบริการ click & collect รับสินค้าได้ที่เพาเวอร์บายสาขา และ Power Buy App ก็ได้เช่นกัน
“สำหรับ เพาเวอร์บาย โมเดล สแตนอโลนทั้ง 4 สาขา ได้แก่ ชลบุรี พัทยา และจันทบุรี และลพบุรี จะสามารถเชื่อมโยงเข้ากับวิถีชีวิตและครองใจลูกค้าในพื้นที่ พร้อมมั่นใจว่าจะช่วยเพิ่มทราฟฟิกให้กับสาขา และเพิ่มยอดขายได้อีก 20% ได้อย่างแน่นอน” นายวรวุฒิ กล่าวปิดท้าย
ความคิดเห็น
/